วันเสาร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2560



MY Lip Talk series
pair : Myungsoo x Sungyeol
tag : #MYLiptalk


Myungyeol Lip Talk series [sf series]


4th color : YSL  Kiss&Love N°1 Rouge





หลังจากการทำงานที่แสนเหนื่อยล้า ใครๆต่างก็อยากที่จะกลับไปพักผ่อนกันที่บ้านชาร์จพลังชีวิตให้กับตัวเองกันทั้งนั้น เช่นเดียวกับ คิมมยองซู ที่วันนี้หลังจากการถ่ายละครเรื่องใหม่ที่ต้องเดินทางไปถ่ายทำกันถึงชนบทเพื่อให้ได้บรรยากาศย้อนยุคที่สมจริงทำให้ตอนนี้เรี่ยวแรงของเขานั้นใกล้จะหมดเต็มที ชายหนุ่มรีบขับรถกลับมาที่คอนโดของตนเองทันทีที่เลิกกอง และเพราะว่าตอนนี้มันก็เกือบจะ 5 ทุ่มแล้วทำให้ถนนค่อนข้างว่างซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่เขาจะได้รีบกลับไปที่พักของตัวเองสักที


อีกอย่างหนึ่ง คิมมยองซูไม่อยากให้ ‘ใครบางคน’ รอนานด้วยแหละ :)


หลังจากรีบบึ่งกลับมาที่คอนโด เมื่อจอดรถเสร็จคิมมยองซูก็แทบจะวิ่งไปที่ห้องพักตนเองทันที ร่างสูงของดาราหนุ่มกำลังยืนอยู่หน้าห้องพักเบอร์ 1327 หลายคนบอกว่าชั้น 13 มันไม่ค่อยเป็นมงคลเท่าไหร่ แต่สำหรับมยองซู เขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะชีวิตของคนเรานั้นถูกลิขิตด้วยตัวเราเอง ไม่ใช่สิ่งรอบตัว อีกอย่าง เพราะชั้นนี้ไม่ค่อยมีคนซื้อด้วยแหละ มันจึงเป็นเหตุผลที่เขาเลือกซื้อ เพื่อความส่วนตัวเวลาทำอะไรบ้างอย่างไง……


มือหนารีบแตะคีย์การ์ดก่อนที่จะเปิดประตูห้องเมื่อสัญญาณปลดลอคดังขึ้น ตาคมมองไปทั่วห้องทันที่เพื่อหา ‘ที่ชาร์จพลังส่วนตัว’ ของตัวเขา และก็พบว่าคนคนนั้นกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์และใส่หูฟังอยู่ที่โซฟากลางห้อง มยองซูไม่รอช้ารีบเดินไปหาคนที่เอาแต่ฟังเพลงจนไม่รับรู้ว่าเขานั้นมาถึงแล้ว ก่อนที่จะเอามือทั้งสองข้างปิดตากลมโตทันที


“อ๊ะ!! มยอง กลับมาแล้วหรอ” เสียงใสของนายแบบหนุ่มอย่าง อีซองยอล ร้องทักคนรักของตนเองทันทีก่อนจะค่อยๆแกะมือหนาของอีกฝ่ายที่ปิดตาไว้และหันไปทักทายแฟนหนุ่มของตัวเองทันที


“มยองมานั่งด้วยกันก่อนสิหิวไหม เราทำต้อกไว้ให้ เอาไปเวฟทานใหม่” ช่วงนี้มีหลายวันที่มยองซูออกกองถึงต่างจังหวัดและกลับมาถึงบ้านดึกแบบนี้ ซองยอลก็มักจะนั่งรออยู่เสมอ ถ้าวันไหนไม่ไหวจริงๆถึงจะไปนอน พอละครเรื่องใหม่ของมยองซูต้องเร่งถ่ายก้ทำให้เวลาที่เขาสองคนจะมีโอกาสอยู่ด้วยกันน้อยลง ซองยอลคิดว่า ยอมนอนดึกสักนิดมันก็คุ้มแหละ เพราะทั้งเขาและมยองูซก็ต่างมีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน


“ไม่หละ แค่เจอหน้ายอลก็อิ่มละ”


“เวอร์ เลี่ยนเชียวนะ มานั่งพักก่อนมา เดี๋ยวเรานวดให้”


พอได้ยินข้อเสนอที่น่าสนใจเจ้าตัวก็ไม่รอช้าที่จะเดินไปนั่งลงข้างๆซองยอลทันที และนั้นก็ทำให้เขาเห็นบ้างอย่างที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ของอีกซองยอล


“มะกี้ยอลฟัง Love Blossom ของรุ่นพี่ K Will หรอ”


มยองซูเหลือบไปเห็นหน้าของตัวเองที่อยู่ในโทรศัพท์ของซองยอล เมื่อปี  2013 เขาได้มีโอกาสไปเป็นพระเอก MV ของเพลงๆนี่ร่วมกับรุ่นพี่ดาซม ดูเหมือนว่าเพลงที่ซองยอลกำลังฟังในตอนที่เขาเปิดประตูเข้ามาจะเป็นเพลงนี้นี่แหละ


“อืม เพราะเนอะ” ด้วยเนื้อหาเพลงที่ค่อนข้างน่ารัก บวกกับ mv ที่ภาพนั้นสวยและเนื้อหาน่ารักจึงทำให้ซองยอลค่อนข้างชอบเพลงนี้เลยแหละ


“เสียอย่างเดียว พระเอก mv น่าตาดูบ้านๆ” ซองยอลแกล้งบีบจมูกของมยองซูด้วยความหมั่นไส้ จริงๆก้ไม่ได้แย่แหละ ออกจะหล่อซธด้วยซ้ำ แค่ซองยอลหมั่นไส้เนื้อหาใน mv ที่มยองซูถึงขั้นแกล้งพวกหัวหน้าเพื่อให้ตัวเองไปหลีสาว


อย่าให้เจอในชีวิตจริงนะ! ซองยอลจะจัดการให้หมดหล่อไปหลีใครไม่ได้เลย คอยดูเถอะ


“ยอลว่าเราหรอ มาให้หอมซะดีๆเลยโทษฐานมาว่าสามีแบบนี้”


“อย่าน้าาา ใครเป็นสามีฉันกัน!!”


สุดท้ายก็กลายเป็นสงครามขนาดย่อยของมยองซูและซองยอล ซองยอลรีบถอดหูฟังออกจากโทรศัพท์และหูตัวเองทันทีเพราะกลัวว่าการฟัดกับมยองซูจะทำให้โทรศัพท์ตัวองตก คนนึงก็ไล่จะหอม อีกคนนึงก็พยายามจะเบี่ยงตัวหลบแฟนจอมหื่น จนสุดท้ายก็ตะลุมบอนกันอยู่บนโซฟา


จนในจังหวะหนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่ามือของใครไปโดนที่จอโทรศัพท์ของซองยอลจนทำให้เพลงที่กดไปโดนนั้นเล่นขึ้น ทั้งสองต่างมองไปที่หน้าจอก่อนจะพบว่าเป็น MV เพลง Please Don’t ของ K.will กำลังเล่นอยู่
“ดู MV นี้ที่ไร นึกถึงเรื่องเมื่อ 7 ปีก่อนทุกทีเลยเนอะ”













พฤษภาคม 2010


สำหรับเด็กอายุ 18 ปีนั้น สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดหลังจากจบมัธยมก็คงเป็นการเข้ามหาลัยนั้นแหละ อีก3 เดือนข้างก็จะเปิดเทอมแล้ว เหล่าวัยรุ่นทั้งหลายต่างก็ใช้เวลาที่เหลือนี้พักผ่อนให้เต็มที่เตรียมตัวก่อนที่จะต้องเรียนหนักขึ้นในระดับชั้นมหาวิทยาลัย


แต่แทนที่ปิดเทอมนี้คิมมยองซูจะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ เขากลับต้องมาติด บ่วง บ่วงหนึ่งที่คนเป็นแม่สร้างไว้หนะสิ


“ยังไงแม่ก็ฝากน้องโซฮีด้วยนะมยองซู ลูกจะขึ้นไปโซลอยู่แล้ว ยังไงแม่ฝากดูแลน้องด้วยนะ”


ถึงอยากจะปฏิเสธแค่ไหนแต่เด็กอย่างคิมมยองซูที่ถูกคุณแม่ลากมามาทานอาหารกับบรรดาคุณนายมนุษย์แม่ทั้งหลายก็คงทำได้แต่พยักหน้ารับทั้งๆที่ในใจนั้นอยากจะปฏิเสธใจแทบขาด


ทำไมเขาจะไม่รู้หละว่าคุณนายคิมแม่ของเขานั้นอย่างให้มยองซูนั้นดองกับตระกูลยุนแค่ไหน การที่อยู่ดีๆ ยุนโซฮี ลูกคุณหนูจากตระกูลยุนที่เรียน high school อยู่ที่แคนาดากลัมาที่เกาหลีในรอบ 5 ปีแล้วตรงดิ่งพุ่งเป้ามาที่มยองซูเนี่ย มันก็คงเป็นแผนของแม่เขานั้นแหละ


คิดแล้วก้ได้แต่เหนื่อยใจ ยิ่งเมื่อมองไปยังสาวน้อยที่อายุน่าจะประมาณ 17 ที่นั่งอยู่ตรงข้ามแล้วมยองซูก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยทันที ตั้งแต่มาถึงร้ายอาหารสาวเจ้าก้ยังคงจ้อไม่หยุดสักที ซึ่งคนขี้รำคาญอย่างมยองซูนั้นไม่ชอบเอาเสียเลย


“จริงๆผมเพิ่งเลื่อนตั๋วรถไฟเป็นรอบเย็นนี้อะครับ ผมต้องรีบไปดูหอกับเพื่อนที่นัดไว้ ผมเกรงว่าผมคงจะไปกับโซฮีไม่ได้” พอรู้ว่าตัวเองต้องมารับภาระแบบนี้มยองซูก็รีบจัดการเลื่อนเที่ยวรถไฟทันที ยิ่งหนีไปได้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี แต่คำพูดของผู้ใหญ่ก็ต้องทำให้เขาหน้าเจื่อนลงไปอีก


“ไม่ต้องห่วงเลยจ่ะ ป้าจองตัวไว้ให้น้องแล้ว มยองซูกำลังจะไปอยู่หอใช่ไหมลูก ดีเลย งั้นป้าฝากน้องไปนอนด้วยสัก 1 เดือนนะ เดี๋ยวป้าจ่ายค่าหอให้” คุณแม่ของยุนโซฮีอย่างคุณป้ายุนโซรารีบบอกมยองซูทันที


“เกรงว่าจะไม่ได้อ่ะครับคุณป้าโซรา รูมเมทผมเป็นผู้ชายนะครับ ผมว่ามันคงจะไม่ดีกับน้องโซฮีเท่าไหร่”


“โอปป้าไม่ต้อง worry นะคะ โซฮีไม่ถือค่ะ โซฮีเชื่อมั่นในความ gentle man ของมยองซูโอปป้าและเชื่อว่าโอปป้าจะ protect และ take care โซฮีได้ดีเหมือนที่ mom ดูแลโซฮีค่ะ”


อยากจะเอาส่วนที่ต่ำที่สุดของร่างกายมาก่ายหน้าผากเหลือเกิน นี่มยองซูจะต้องทนกับโซฮีอีก 1 เดือนจริงๆหรอเนี่ย? แต่พอมองไปรอบๆโต๊ะก้พบแต่สายตาเห็นดีเห็นงามของเหล่าผู้ใหญ่


เอาวะ ก็แค่เดือนเดียว เดี๋ยวไปถึงโซลค่อยแอบไปจองห้องให้โซฮีใหม่แล้วก็ถึงไว้ที่นั้นแหละ มยองซูขอไม่ยุ่งอะไรทั้งนั้น!!







“โอปป้าาาา ทำไม distance จาก train station ไปถึง our accommodation มันถึงได้ไกลขนาดนี้ค่ะ โซฮี want to sleep แล้ว”


เสียงบ่นงึมงำของแม่สาวน้อยดังขึ้นตลอดเวลาที่เขานั่งรถแท็กซี่เพื่อจะไปหอพัก แค่ให้สาวเจ้ายกกระเป๋าเองนี่ทำเอาเธอเหนื่อยจนบ่นไม่หยุดขนาดนี้เลยหรอ เหอะ มยองซูอยากจะตาย


และหลังจากนั่งรถมาร่วมชั่วโมงทั้งสองก็มาถึงหอพักของมยองซูที่อยู่ไม่ไกลจาก Seoul Uniersity ที่มยองซูสอบติด วันนี้เขาได้นัดกับเพื่อนสนิททีติดมหาลัยเดียวกันไว้ว่าจะเข้ามาอยู่ด้วยกันเป็นวันแรก เพราะ สัปดาห์หลังจากนี้มยองซูต้องเรียน summer หลังจากรับกุญแจจากเจ้าของหอแล้วมยองซูก็รีบขึ้นไปยังห้องของตัวเองทันทีโดยที่โซฮีนั้นก็ตามมาด้วยเช่นกัน มยองซูกะว่าเดี๋ยวค่อบหาที่อยู่ใหม่และพาโซฮีไปส่งเย็นนี้ ระหว่างนี้ให้มานั่งรอในห้องเขาก่อนแหละ เพราะเพื่อนของมยองซูยังมาไม่ถึง


ในห้องพักแห่งนี้มีทั้งหมด 2 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ห้องครัวและห้องนั่งเล่น มยองซูตัดสินใจว่าเขาจะอยู่ที่นี้จนจบปี 4 นั้นแหละเพราะมันค่อนข้างจะสะดวกสบาย เจ้าตัวพยายามติดต่อหาเพื่อนอีกคนให้รีบมาที่นี่สักทีเพื่อที่เขาจะได้รีบจัดการเรื่องที่อยู่ของโซฮี


ในขณะที่โซฮียังคงจ้อไม่หยุด เสียงกริ่งที่หน้าประตูก็ดังขึ้น มยองซูรีบเดินไปเปิดทันทีเพราะแน่นอนว่าคนที่มาก็ต้องเป็นเพื่อนของเขา


“ทำไมมาไวจัง ไหนบอกว่านายจะมาพรุ่งนี้ไง”


อีซองยอล เพื่อนสนิทของคิมมยองซูตั้งแต่สมัยม.ปลายถามเพื่อนของตัวเองด้วยความสงสัย ไหนบอกว่าจะมาพรุ่งนี้แต่ดันคาทกมาบอกซะงั้นว่าถึงและ ร้อนถึงซองยอลที่กำลังช่วยแม่ขายอาหารอยู่ต้องรีบกลับบ้านไปเก็บของเพื่อย้ายมาอยู่ที่หอทันที


“นั้นไง” มยองซพยัดพเยิดไปยังสาวน้อยที่นั่งอยู่กลางห้องก่อนจะถอนหายใจใส่เพื่อนรักไป


“นายเข้ามาก่อนสิ เดี๋ยวฉันมีเรื่องอะไรให้นายช่วยด้วย” มยองซูหยิบกระเป๋าในมือซองยอลมาถือเองก่อนที่จะเดินเอาไปวางไว้ให้เจ้าตัวข้างในห้องนอนตามที่ได้แบ่งกันไว้ทันที เมื่อเก็บของบางอย่างให้พอเข้าที่แล้ว ทั้งสองก็ออกมาหาสาวน้อยที่นั่งรออยู่กลางห้องทันที มยองซูจึงเริ่มแนะนำให้ต่างฝ่ายได้รู้จักกัน


“โซฮี นี้พี่ซองยอลเพื่อนสนิทพี่เองนะ ส่วนซองยอลนี่โซฮีนะ ลูกของเพื่อนแม่ฉันเอง”


เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายทำความรู้จักกันแล้วมยองซูก็คงต้องเริ่มพูดเรื่องที่จำเป็นต้องพูดออกไปสักที ชายหนุ่มหายใจเข้าลึกๆก่อนจะรวบรวมความกล้าและพูดมันออกไป


“โซฮีก็เห็นใช่ไหมคะ ว่าห้องนี้มีแค่ 2 ห้องนอน”


“Oh I see มีแค่ 2 ห้องนอน ให้ใครสักคนออกมานอนข้างนอกสิคะ” ไม่พูดเปล่า สาวน้อยหันหน้าไปหาซองยอลทันที ซึ่งซองยอลก้ตกใจเล้กน้อยกับความคิดของเธอ


“คงไม่ใช่แบบนั้นนะคะโซฮี” มยองซูรีบดุอีกคนทันทีเมื่อเจ้าตัวจะเอาแต่ใจ


“งั้นโซฮีนอนกับโอปป้า แล้วพี่ซองยอลก็นอนคนเดียวไปสิคะ”


“ไม่ได้นะคะ โซฮีเป็นผู้หญิง จะนอนก็พี่ที่เป็นผู้ชายได้ยังไง” มยองซูรีบปราบสาวน้อยทันที ถึงอีกคนจะดูไม่แคร์เพราะโตมาในโลกของตะวันตกที่ค่อยข้าวเปิดกว้าง แต่มยองซูก็ไม่ได้เปิดกว้างแบบนั้น จะให้เขามานอนกับโซฮี จะได้ไหมก็ไม่รู้ เจ้าตัวต้อยคุยจ้อทั้งคืนจนเขาปวดหัวแน่ๆ


“พี่ก็เลยจะจองโรงแรมใหม่ให้นะคะ เดี๋ยวพี่จะไปส่งโซฮีนะ โซฮีอยู่ที่นั้นจนกว่าป้าโซราจะมารับนะคะ”


“ไม่นะคะ NO WAY!! โซฮีจะฟ้องคุณแม่!! แล้วพี่มยองซูก็ต้องดูแลโซฮี โซฮีอาจจะต้องแต่งงานกับพี่นะคะ”


“เงียบเลยนะโซฮี”


ในขณะทีสาวน้อยกำลังโวยวายเสียงดังแถมยังพูดเรื่องที่มยองซูไม่ชอบอย่างการแต่งงานขึ้นมาอีก เขาก็ระเบิดลงใส่โซฮีทันที เสียงตวาดของมยองซูด้วยความรำคาญนั้นดังลั่นไปทั่วห้องพัก


“เลิกพูดเรื่องแต่งงานอีก พี่ไม่ชอบ!!”


“พอเลยมยองซู ตั้งสติ ไปว่าน้องทำไม” เสียงหวานของคนอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยดังขึ้นก่อนคนตัวบางจะลุกขึ้นไปปลอบสาวน้อยที่กำลังร้องไห้อยู่ด้วยความตกใจ


“แต่โซฮ...”


“เงียบเลยมยองซู มีสติหน่อยสิ ไปว่าน้องทำไม” ซองยอลดึงตัวโซฮีมาไว้ในอ้อมกอดก่อนจะปลอบประโลมโซฮีให้หยุดร้องไห้


“เดี๋ยวโซฮีไปนอนห้องพี่นะ ไม่ต้องย้ายไปไหนทั้งนั้นแหละ เดี๋ยวพี่นอนกับพี่มยองซูเอง”


“ฮึก..ฮือ..พี่มยองซูใจร้าย โซฮีไปนอนแล้วนะคะ ฮืออ”


มยองซูมองภาพที่ซองยอลพาโซฮีเข้าไปส่งในห้องนอนอย่างหงุดหงิด ทำไมแม่ต้องส่งอะไรที่เขาไม่ต้องการให้ด้วยเนี่ย เพราะหลายๆอย่างไม่ได้ดั่งใจ คิมมยองซูจึงเดินไปหยิบบุหรี่ที่อยู่ในกระเป๋าพร้อมกับไฟแชคก่อนจะเดินไปที่ระเบียงเพื่อที่จะใช้มันระบายความเครียด


แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอาม้วนบุหรี่เข้าไปในปาก วัตถุชิ้นเล็กในมือก้ถือมือบางของคนที่คุ้นเคยปัดลงพื้นก่อนที่จะเหยียบเพื่อให้มันดับลงทันที


“ไหนสัญญากันว่าจะไม่สูบไงมยองซู”


หลังจากที่จัดการเรื่องโซฮีเสร็จแล้ว หนุ่มใจดีอย่างอีซองยอลก้บังเอิญมาเห็นเพื่อนรักของตัวเองกำลังจะผิดสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะเลิกสูบบุหรี่เมื่อมาอยู่ด้วยกัน ก่อนจะจัดการกับบุหรี่ในมือของมยองซู


“สูบไปเพื่ออะไร เครียดอะไรนักหนาคิมมยองซู?”


“รำคาญ ไม่ชอบยัยโซฮี นายไม่โกรธหรอซองยอลที่โซฮีจะให้นายนอนโซฟาอ่ะ?” ปกติซองยอลนั้นขี้เหวี่ยงขี้วีนจะตาย ใครทำอะไรให้ไม่พอใจนิดเดียวก้ระเบิดลงแล้ว แต่กลายเป็นว่ากับโซฮีเจ้าตัวกลับใจเย็นขึ้นมาซะงั้น


ซองยอลถอนหายใจก่อนจะโบกหัวมยองซูเบๆด้วยความหมั่นไส้


“น้องยังเด็ก นายก็ต้องเข้าใจเขาหน่อยสิ เขาโตมาในสังคมตะวันตกนะ”


ถึงจะๆม่พอใจอะไรเท่าไหร่ แต่ซองยอลก็พยายามที่จะเข้าใจด้วยแหละว่าน้องนั้นยังเด็ก อาจจะยังคิดอะไรทำอะไรไปโดยไม่คิด ถ้ามัวแต่มาสติแตกแบบมยองซู คนที่น่าสงสารก้จะเป็นโซฮีนั้นแหละ


“น่าจะหาโรงแรมให้น้องนอน ฉันไม่ค่อยอยากอยู่กับน้องเท่าไหร่”


“ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ เราได้นอนห้องเดียวกันหนะ”

บางที….. อีซองยอลนั้นก็ฉลาดจนคนอย่างคิมมยองซูคาดไม่ถึงเลยแหละ




บันทึกของยุนโซฮี


นี้ก็ 4 อาทิตย์แล้วที่เราได้มาอยู่กับมยองซูโอปป้า เหลืออีกแค่วันเดียว คุณแม่ก็จะมาโซฮีกลับแคนาดาแล้ว หลังจากที่โอปป้าโมโหใส่เราในวันแรก มยองซูโอปป้าก็ไม่เคยจะหงุดหงิดใส่เราอีกเลยแหละ กลายเป็นว่าโอปป้าดูมีความสุข แถมยังแทคแคร์เราดีอีกตั้งหาก ซองยอลโอปป้าก็น่ารัก โอปป้าดูแลฉันดีทุกอย่างเลย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจเอาเสียเลย……

หลังจากที่มยองซูและซองยอลเรียนซัมเมอร์เสร็จ ทั้งสองก็โทรเรียกโซฮีให้มาเจอที่ร้านขายอาหารเกาหลีเล็กๆที่หน้าหอพัก พอสาวน้อยได้รับโทรศัพท์ก็รีบแต่งตัวให้สวยและลงไปหาพี่ๆทั้งสองทันที ในร้านข้างถนนทีคนไม่เยอะมาก โซฮีเห็นพี่ทั้งสองนั่งกันอยู่ที่โต๊ะในสุดของร้าน โดยที่ทั้งสองนั่งอยู่ข้างกันและมีเก้าอี้เหลืออีกฝั่งไว้ให้โซฮี


“โซฮี มานี้เร็ว” มยองซูตะโกนพร้อมกวักมือเรียกให้สาวน้อยรีบมานั่งแล้วจะได้รับประทานอาหารด้วยกัน


“วันนี้มยองซูมันไม่อยากล้างจาน มันก็เลยทำป๋าจะเลี้ยงเท่านั้นแหละโซฮี” ซองยอลหันไปแขวะอีกคนที่ทำตัวป๋าจะเลี้ยงข้าวเย็นเพราะจริงๆวันนี้มันเวรของมยองซูที่จะต้องทำความสะอาด


“เออหน่า เลิกบ่นแล้วกินๆเหอะ โซฮีหิวจะแย่อยู่แล้ว ดูสิ” ก่อนทีมือหนาจะเอื้อมไปลูบเส้นผมนุ่มของสาวน้อยอย่างอ่อนโยน


ทางด้านโซฮีที่นั่งอยู่นั้น เมื่อได้รับสัมผัสอ่อนโยนจากคนเป็นพี่ หัวใจดวงน้อยก็เต้นแรกทันทีเมื่อความอบอุ่นนั้นแล่นเข้าไปยังหัวใจของเธอ


“อะไรกัน ทำคะแนนหรอมยองซู” ซองยอลรีบปัดมือของอีกคนออกพร้อมกับลูบหัวของโซฮีอย่างเบามือเช่นเดียวกับที่มยองซูทำ


“เด็กน้อยของโอปป้า ทานเยอะๆนะคะ”




ฉันไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งที่ทั้งซองยอลโอปป้าและมยองซูโอปป้าแสดงออกมานั้น ทั้งความอบอุ่น ความอ่อนโยน ความใส่ใจ ทั้งหมดนี้มันใช่สิ่งที่ฉันคิดไว้รึปล่าว


แต่ในเมื่อความรัก มันเป็นเรื่องของคนแค่สองคน ยังไงก็ต้องมีคนคนนึงที่เสียใจ  วันนี้เป็นสุดท้ายแล้วที่โซฮีจะได้อยู่ที่นี่ โซฮีก็จะทำทุกอย่าง ตามที่หัวใจตัวเองสั่ง ก่อนที่มันจะสายเกินไป

ยุนโซฮี


มือเล็กของหญิงสาวค่อยๆปิดสมุดไดอารี่ของตนเองก่อนที่จะเอามันไปเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทาง พรุ่งนี้แล้วสินะที่โซฮีจะต้องกลับแคนาดา ได้เวลาทำในสิ่งที่ควรทำแล้วแหละ มือเล็กเอื้อมไปหยิบฟิลเตอร์เลนส์อันใหม่ที่เพิ่งซื้อมา เพื่อที่จะเอาไปให้ใครบางคนที่หัวใจของเธอเลือก


“ซองยอลโอปป้าคะ มยองซูโอปป้ามีอะไรที่อยากได้เป็นพิเศษไหมคะ”


“ไม่รู้สิ เห็นมันบ่นๆอยู่ว่าฟิลเตอร์เลนส์มันแตก”


“ถ้าโซฮีซื้อให้ โอปป้าจะดีใจไหมคะ โอปป้าจะปลื้มไหมคะ”


“ทำไมหละโซฮี”


“หนูจะบอกรักมยองซูโอปป้า”

“ซองยอลโอปป้า โซฮีขอโทษนะคะ”


สีหน้าและแววตาเจ็บปวดของซองยอลนั้นยังอยู่ในความทรงจำของโซฮีเสมอ ถึงจะรู้สึกผิดแค่ไหน แต่เรื่องของความรักก็เป็นเรื่องของคนสองคน ยังซธมันก็ต้องมีใครสักกคนเจ็บปวด


แม่สาวน้อยค่อยๆเดินไปยังหน้าประตูห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องที่โอปป้าทั้งสองพักอยู่ด้วยกันก่อนที่จะค่อยๆเคาะประตูเบาๆ


ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา แต่โซฮีกลับรู้สึกได้ถึงไอเย็นของแอร์ที่ลอดออกมาจากช่องประตู ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 9 โมงซึ่งปกติมยองซูโอปป้าจะยังไม่ตื่น จะมีแค่ซองยอลโอปป้าที่ตื่นก่อนตลอด สุดท้ายมือเล็กจึงลองจับที่ลูกบิดก่อนจะพบว่าห้องไม่ได้ลอค เธอจึงเปิดเข้าไปทันที


“มยองซูโอ…………….”


เสียงของสาวน้อยขาดหาไปทันทีเมื่อภาพตรงหน้านั้นเป็นเรื่อนร่างของชายหนุ่มสองคนที่กำลังนอนกอดกันอยู่กลางเตียงโดยที่ไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้นบนตัว ผ้าห่มผืนใหญ่ดูเล็กลงไปทันทีเมื่อมันต้องทำหน้าที่ในการปิดบังร่างของชายหนุ่มสองคน แผ่นอกเปลือยเปล่าของมยองซูที่นอหงายอู่นั้นเต็มไปด้วยรอยสีกุหลาบที่ปรากฎอยู่อย่างเด่นชัด และอีกสิ่งที่บ่งบอกได้ดีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างคือเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นห้อง ทั้งกางเกง เสื้อ บอกเซอร์และชั้นใน…..


“มะ...มะ..ไม่จริง….”
โซฮีพยายามควบคุมสติของตัวเองให้ได้มากที่สุดก่อนจะลองสำรวจรอบๆห้อง เพราะบางทีมันอาจจะเป้นแค่เสื้อผ้าที่ถอดไว้แล้วไม่เก็บก็ได้


แต่สิ่งที่วางอยู่ที่โต๊ะข้างๆเตียงก็พอจะบอกได้ว่าสิ่งที่โซฮีเข้าใจมันถูกแล้ว กล่องเลนส์ canon fix 50 f1.8 วางอยู่บนหัวเตียงพร้อมกับรูปคูของโอปป้าทั้งสองที่ถ่ายด้วยกัน พร้อมกับข้อความที่ยิ่งตอกย้ำความสัมพันธ์ของทั้งสองคน


Happy anniversary 6 months my love
sungyeol ♥ myungsoo


เพราะความรัก มันเป็นเรื่องของคนสองคน ดังนั้นมันต้องมีใครสักคนที่เจ็บปวด

ปึง!


ดวงตากลมโตของใครบางคนที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆลืมขึ้นชาๆก่อนจะมองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทแล้ว ก่อนที่ อีซองยอล จะค่อยๆซุกลงไปบนอกแกร่งของคิมมยองซูอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มของผู้ชนะ


ใช่! ซองยอลตื่นตั้งแต่โซฮีเคาะประตูแล้วด้วยซ้ำ แต่เขาเลือกที่จะแกล้งทำเปนหลับเพื่อที่จะดูว่าหญิงสาวจะรู้สึกยังไง


การกระทำที่แสนอบอุ่นต่อยุนโซฮีที่ผ่านมานั้น มันมาจากความรักอันบริสุทธิ์ที่ซองยอลมีให้ต่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆ ซองยอลไม่เคยเฟค ไม่เคยแอคติ้งใส่อีกฝ่าย หากย้อนไปวันแรกที่เขาปล่อยโซฮี เขาก็ทำมันด้วยใจจริงๆ


แต่ที่ซองยอลต้องทำอย่างนี่ ไม่ใช่ว่าซองยอลกลัวว่าโซฮีจะแย่งมยองซูไปหรอก ตราบใดที่เขาทั้งสองยังคงรักกันอยู่ แต่ที่ซองยอลต้องทำ เพราะในวันที่โซฮีมาบอกว่าหลงรักมยองซู ในวันนั้นซองยอลตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่าง เพื่อให้เธอนั้นสามารถตัดใจจากมยองซูได้โดยไม่มีข้อแม้ ทุกอย่างจึงออกมาเป็นแบบนี้


“ขอโทษนะโซฮี ฉันคงจะยกมยองซูให้เธอไม่ได้จริงๆ ขอโทษที่ต้องทำให้เสียใจ แต่มันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่เธอจะลืมรักครั้ง”


คนตัวบางประทับจูบลงบนหน้าอกแกร่งของคนรักอีกครั้งก่อนที่จะนอนหลับพักผ่อนต่ออย่างมีความสุข….














“มยองซู ตอนนั้นฉันร้ายเกินไปรึปล่าวที่ทำอย่างนั้นกับน้อง” หลังจากที่ mv เพลง Please Don’t จบลง หลังจากที่คนทั้งสองจมอยู่กับอดีต อยู่ดีๆซองยอลก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ทำอย่างนั้นลงไป รักแรกของหญิงสาวบางคน มันถือว่าเป็นสิ่งที่แสนมีคุณค่าและน่าจดจำ แต่กลายเป็นว่าซองยอลทำให้โซฮีต้องเจ็บปวด


“ตัดไฟแต่ต้นลมหนะถูกแล้ว นายไม่ต้องคิดมากหรอก” ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปี ถึงซองยอลจะดูเป็นคนที่ร้ายๆ หรือหลายคนมองว่าหยิ่ง แต่จริงๆแล้วในแววตาใสคู่นั้น มยองซูมองเห็นถึงความอ่อนโยนของซองยอลเสมอ มือหนาลูบหัวทุยๆของซองยอลก่อนที่จะค่อยๆรุ้งอีกคนให้ลงมาซบที่ไหล่แกร่งของตน


“เพราะนายทั้งอ่อนโยน ทั้งสดใส ทั้งร้อนแรงไง ฉันถึงได้รักนายขนาดนี้”


“เพราะซองยอลเป็น Limited Edition ไง Limited ที่มีไว้ให้มยองซูคนเดียว”


ยิ้มความแสนสดใสของซองยอลนั้นค่อยๆดึงดูดให้มยองซูโน้มตัวลงไปหาปากอิ่มสวยก่อนที่จะทาบทับลงด้วยปากของเขาจนแนบสนิท ความหวานหอมจากริมฝีปากนุ่มหยุ่นนั้นทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลินทุกครั้งที่ได้ชิมมัน ซองยอลค่อยลุกขึ้นมาช้าๆ มือเรียวประคองใบหน้าคมสันของมยองซูไว้ไม่ให้ห่างไปไหน สัมผัสที่ทั้งอ่อนหวานและซาบซ่านนั้นหลอมละลายใจของคนทั้งสองให้เป็น 1 เดียว ก่อนที่ซองยอลจะค่อยๆผละออกมา ปากบางที่ตอนนี้กำลังเห่อแดงเพราะสัมผัสร้อนแรงที่จะได้รับคลี่ยิ้มออกมาบางๆก่อนที่จะกระซิบลงแผ่วเบาให้มีเพียงแค่สองเราที่ได้ยินมัน


“คืนนี้งดนะ พรุ่งนี้มยองถ่ายงานเช้า”


ยันไม่ทันที่มยองซูจะได้ตั้งตัว อีซองยอลก็รีบเด้งตัวออกจากตักของมยองซูและวิ่งปรู๊ดเข้าไปในห้องทันที ไม่ลืมที่จะหันมาแลบลิ้นให้ตามสไตล์ความแสบของเจ้าตัว


“มานี้เลยนะซองยอล มาให้ฟัดซะดีๆ”


มยองซูตะโกนไล่หลังไปทั้งที่รู้แหละว่าเด็กดื้อของเขาคงเอาตัวซุกผ้าห่มพร้อมกับกอดตุ๊กตาหมีนอนหลับปุ๋ยไปแล้ว เขาได้แต่ส่ายหน้าให้กับความดื้อความซนที่ไม่เคยจางหายไปเลยแม้ซองยอลจะอายุ 25 แล้วก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าซองยอลจะมีแต่ด้านที่เป็นเด้ก หลายครั้งที่ซองยอลก็มีสติ และมีเหตุผลมากกว่าตัวมยองซู


ย้อนกลับไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ในตอนที่เขากำลังหัวเสียกับดาอิน ก็มีซองยอลที่มาเตือนสติ และจัดการเรื่องทุกอย่างให้ และนั้นก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของเราสองคนดียิ่งๆขึ้นไป


หลายคนต่างถามมยองซูว่า การรักษาความสัมพันธ์ให้ได้ยืนยาวแบบนี้ มีเคล็ดลับอะไรเป็นพิเศษไหม ก็คงพูดได้คำเดียวว่า การที่เราเชื่อใจและไว้ใจกัน นั้นแหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด


มยองซูจัดการเก็บข้าวของทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่จะทำธุระส่วนตัวของตัวเองให้เสร็จและรีบขึ้นไปนอนเคียงข้างเด้กน้อยที่กำลังกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลออ่อนนอหลับอยากสบายอารมณ์


ปากหนาค่อยๆบรรจงจุมพิตลงบนหน้าผากเนียนใสอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆรั้งร่างบางให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของเขา


“ฝันดีนะ เด็กน้อยของฉัน”






talk :)

เราหายไปนานเลยอ่ะ ขอโต๊ดดด ㅠㅡㅠ สาบานว่าคิดไม่ออกแหละ ต้องขอบคุณพี่จ๋าที่ทั้งเป็นคนเลือกสีลิปและปาพลอตมาให้นะคะ ♥ 

หลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ สีลิปที่เลือกมันค่อนข้างแดงเลยหนิ ทำไมไม่แซ่บ? ด้วยกิมมิค (เขียนภาษาแบบ 5555) ของสีนี้และลิปรุ่นนี้ที่มันเป็นอะไรที่เป็นทั้ง best seller และ signature ของ YSL เราเลยมองว่า เออมันเป็นเป็นอะไรที่ใช้ง่ายสิ อีกอย่างมันออกแดงสว่างๆไม่ได้แดงเฉดไปทางน้ำตาล ซึ่งเรามีความรู้สึกว่า ลิปสีแดง มันคือ signature ของลิปสติก คือทาง่าย ไม่ได้ร้อนแรงอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้จืด มันก็เลยออกมาเรียบๆแบบนี้ เรามองว่าสีแดงดูเป็นสีพื้นฐานอ่ะ นั้นแหละ // ค่ะ เราก็พยายามเรียบเรียงภาษาคนให้เป็นภาษาคน 55555555

อีกอย่างคืออยากจะขอบคุณมากๆ ไม่คิดเลยยย ว่าฟีดแบคตัวลิปทอล์คมันจะขนาดนี้ ㅠㅡㅠ ขอบคุณทุกคนที่ค่อยจี้ให้เขียนและให้ความรักกับซีรีย์นี้นะคะ

อ่านจบแล้วชอบไม่ชอบอยากตบคนแต่งหรืออยากจะเสนอสีลิปใหม่ก้มาคุยกันได้ที่ทวิต ที่ #MYLiptalk และ ask.fm ก็ได้นะคะ (เลารู้ว่ามันเป็นช่องทางที่ดีในการทวงฟิค เพราะเราทำบ่อย 5555)

พูดมากจัง จากลากันตรงนี้ ขอบคุณนะคะ ♥

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น