วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

MY Lip Talk series
pair : Myungsoo x Sungyeol
tag : #MYLiptalk

Myungyeol Lip Talk series [sf series]

Third color : Super Mom matte liquid lipstick W1







หากจะนึกถึงลิปสติกสักสีที่ให้ความเผ็ดร้อนไม่แพ้สีแดง Burgundy ก็คงจะต้องเป็นสีน้ำตาลเข้มที่ตัดกับสีผิวขาวของสาวเอเชีย เพิ่มความโดดเด่นให้กับริมฝีปาก ช่วงเพิ่มเสน่ห์ที่แสนเย้ายวนให้กับผู้ที่เลือกมันได้อย่างลงตัว ไม่ได้ร้อนแรงเพียงอย่างเดียวเหมือนสีแดงเพลิง หากแต่แฝงไปด้วยความเท่ห์และเก๋ไม่เหมือนใคร...

เป็นธรรมเนียมปฏิบัติโดยทั่วไปอยู่แล้วที่ทุกครั้งที่การถ่ายทำละครจบจะต้องมีงานเลี้ยงฉลองปิดกล้องเพื่อตอบแทนแรงกายแรงใจของทั้งดารานักแสดงและทีมงานที่บากบั่นถ่ายทำมันมาด้วยกันจนสำเร็จ สำหรับผู้ใหญ่วัยทำงาน สถานที่ในการเลี้ยงฉลองนั้นก็คงจะไม่ใช่ร้านอาหารทำธรรมดาที่มีบรรยากาศสวยงาม การพักผ่อนหย่อนใจเพื่อคลายความเครียดของคนวัยนี่ก็ต้องเป็นการท่องราตรีถึงจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด


“INCEPTION CLUB งั้นหรอ”


มือเรียวของนายแบบหนุ่มอย่างอีกซองยอลหยิบการ์ดเชิญไปงานเลี้ยงฉลองปิดกล้องของแฟนหนุ่มอย่างคิมมยองซูขึ้นมาดูก่อนจะอ่านรายละเอียดที่อยู่ในการืดเชิญนั้นเกี่ยวกับวัน เวลาและสถานที่ที่ ดวงตากลมโตรีบมองหาคนรักที่น่าจะอยู่ที่ไหนสักที่ในห้องพักทันทีก่อนที่จะพบว่าคิมมยองซูคนรักของเขากำลังตากผ้าอยู่ที่ระเบียง


“มยอง!!!!!!!!!!!!!”


น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ที่สูงปรี๊ดของนายแบบหนุ่มหน้าหวานดังไปทั่วห้อง ก่อนที่บุคคลที่ถูกเรียกจะวางผ้าที่ยังไม่ได้ตากลงแล้วเดินมาหาคนรักที่ตอนนี้นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่โซฟากลางห้องที่เจ้าตัวมักจะมานั่งดูการ์ตูนตอนเช้าเป็นประจำ
คิมมยองซูมองสีหน้ามุ่ยของแฟนตัวเองอย่างสงสัยว่าซองยอลไม่พอใจอะไรเขาอีกรึปล่าวก่อนจะให้เห็นว่าในมือของซองยอลมีการ์ดเชิญไปงานเลี้ยงปิดกล้องอยู่ คิมมยองซูถอนหายใจก่อนจะนั่งลงข้างๆซองยอลที่กำลังหน้ามุ่ยอยู่


“โวยวายอะไรแต่เช้าฮึ?”
คิมมยองซูลูบหัวทุยๆของซองยอลเบาๆก่อนจะกอดมันให้เอนมาพิงกับไหล่เกรงของเขา
“มันจำเป็นต้องไป เราเป็นพระเอกนะยอล มันต้องไป”


ซองยอลเป็นคนขี้หึง ไม่ใช่แค่หึงธรรมดา แต่ทั้งหึงทั้งหวงคิมมยองซูมากๆ แต่การหึงและหวงของอีซองยอลนั้นก็ไม่ได้อยู่ในเลเวลที่ทำให้เขาทั้งสองคนมีปัญหากัน ในทางกลับกันคนอย่างมยองซูกลับชอบด้วยซ้ำที่ได้เห็นว่าอีกคนรักเขามากแค่ไหน


ซองยอลเคยบอกเขาว่า เจ้าตัวไม่ได้กลัวหรอกว่ามยองซูจะไปชอบใคร แต่แค่กลัวว่าใครต่อใครจะมาชอบมยองซูกเท่านั้นแหละ ความไว้ใจที่ทั้งคู่มีให้กันนั้นมากเพียงพอที่ทำให้แทบไม่ต้องระแวงเรื่องมือที่ 3 หากใครหมดรักหรือมีคนใหม่ ก็ให้บอกกันตรงๆ
ดวงตาคมลอบมองคนตัวบางที่กำลังจ้องมามาทางเขาเช่นกันทั้งที่หัวกลมนั้นยังคงพิงอยู่ที่ไหล่


“จะไปไหนก็ไปเลยไป” ปากสีเชอรี่ยู่เข้าหากันอย่างคนขี้ดื้อ ก่อนจะสะบัดหน้าหนีมยองซูไปและนั่งดูการ์ตูน chowder ในทีวีต่อ แก้มกลมที่ขยับขึ้นลงตามการเคี้ยวคุกกี้ชอคโกแลตยี่ห้อโปรดแถมหน้าตาที่หงิกงอเหมือนเด็กไม่พอนั้นช่างน่าเอ็นดูในสายตามยองซูเสียจริง ชายหนุ่มลองเช็คดูอีกครั้งว่าคนรักยังงอนอยู่ไหมโดยการพยายามสะกิดเรียกอีกคนให้หันมา แต่ซองยอลก็ยังคงไม่สนใจและมองแต่เจ้าตัวการ์ตูนสีม่วงที่กำลังวิ่งไปรอบๆห้องครัว


โดนงอนจริงๆแล้วหละ คิมมยองซู


“ไม่เอาหน่ายอล อย่างอนเราเลยนะ เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับ แล้วจะซื้อชอคหน้านิ่มก้อนโตๆมาให้ด้วย”


“เราไม่ได้เห็นแก่กินนะมยองซู!!” ปากก็โวยวายทั้งที่ยังคงเคี้ยวคุกกี้ตุ้ยๆอยู่ นี่หรอคนที่ไม่ชอบกินหนะ


“จะไปก็รีบไปรีบมา อย่าให้รู้นะว่าไปป้อสาวคนไหนอ่ะ” ถึงจะงอนยังไงก็ยังคงเป็นซองยอลคนขี้หวงมยองซูอยู่ดี ไม่ทันที่ซองยอลจะได้ตั้งตัวริมฝีปากหนาก็ฉกชิงลมหายใจของคนหน้าหวานทันที่ ก่อนจะดูดดึงมอบสัมผัสหวานล้ำให้ซองยอลจนอีกคนนั้นอ่อนระทวย


“ฮื้อ.. พ ...พ...พอ พอแล้ว ปล่อยได้แล้ว” กำปั้นน้อยๆทุ
บลงไปบนอกแกร่งทันทีเพื่อให้อีกคนทราบว่าอากาศหายใจของซองยอลนั้นหมดแล้ว สุดท้ายมยองซูก็ต้องยอมละริมฝีปากออกจากริมฝีปากเจลลี่ของอีกคนด้วยความเสียดาย ถึงอีกคนจะพยายามเก็กทำหน้าขรึมเหมือนดังว่ากำลังงอนมยองซูอยู่ แต่แก้มป่องที่ขึ้นสีระเรื่อนั้นก้พอจะบอกมยองซูได้ว่าอีกคนรู้สึกอย่างไร


บอกแล้ว ว่าซองยอลของเขาน่ารักที่สุด


“งั้นเดี๋ยวเราไปก่อนนะ สัญญาว่าจะรีบกลับ”


“จะถึงบ้านแล้วก็โทรมาละกัน”


“ครับ คุณแฟน” มยองซูทำท่าตะเบ๊ะรับคำก่อนที่จะเดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมออกไปงานปาร์ตี้ทันที ชายหนุ่มเลือกที่จะใส่เพียงเสื้อยืดสีดำแขนยาวธรรมดาๆ กับกางเกงขายาว เส้นผมสีดำสนิทไม่ได้ถูกเซ็ตให้เป็นทรง เจ้าตัวเลือกที่จะปล่อยให้มันพริ้วไสวตามธรรมชาติก่อนที่ฉีดน้ำหอมกลิ่นสปอร์ตเพิ่มเสน่ห์ให้ตนเอง เมื่อเดินออกมาจากห้องนอนก็พบว่าซองยอลไม่ได้นั่งดูทีวีเหมือนเดิมแต่กลับลุกขึ้นไปตากผ้าที่มยองซูตากข้างไว้ รอยยิ้มจุดขึ้นบนหน้าของมยองซูทันทีที่เห็นคนตัวบางใส่สลิปเปอร์สีชมพูเดินเตาะแตะไปเตาะแตะมาตากผ้าอยู่ที่ระเบียง ก็พวกเขาอยู่กันแค่สองคน งานบ้านอะไรก็ต้องทำกันเอง ดูแลกันเอง มันก็เหมือนภาพที่มยองซูเคยวาดฝันไว้แหละ ว่าเขาอยากจะได้คู่ชีวิตที่เป็นแบบนี้ สองขาก้าวเดินไปหาคนรักของตนเองที่กำลังวุ่นอยู่กับการเอาเสื้อใส่ไม้แขวนก่อนจะสวมกอดจากด้านหลังพร้อมทั้งหอมแก้มนุ่มฟูของซองยอล


“เดี๋ยวจะรีบกลับมานะ”
“อืม” ซองยอลไม่พูดอะไรมากแค่เพียงพยักหน้า แต่แก้มนุ่มๆนั้นก็ขึ้นสีอีกเช่นเคย เวลาซองยอลเขินเนี่ย ดูง่ายสุดๆไปเลย


“รีบกลับมานะ ยอลรออยู่” ได้ยินเสียงอ้อนแบบนี้มยองซูชักจะไม่อยากไปงานแล้วสินะ แต่ไม่ไปก็คงไม่ได้ สุดท้ายหลังจากอ้อยอิ่งมาสักพักเขาก็ออกจากคอนโดและมุ่งหน้าไปยังผับที่อยู่ในเมืองทันที


แน่นอนว่าเพราะนี่คืองานเลี้ยงปิดกล้องละคร สื่อหลายสำนักจึงมายืนรอกันอยู่ที่หน้าไนต์คลับเพื่อที่จะถ่ายรูปของเหล่าศิลปิน คิมมยองซูขับรถเข้าไปเทียบที่หน้าร้านก่อนที่จะจอดแล้วเดินลงจากรถมาท่ามกลางฝูงนักข่าวมากมาย มยองซูหยุดยืนเพื่อให้พวกเขาได้เก็บรูปสักนิดก่อนที่จะมีคนขอสัมภาษณ์เล็กน้อย ซึ่งมยองซูก็ไม่ได้หงุดหงิดอะไรที่จะตอบ


“เรื่องระหว่างคุณกับคุณจีซูนี่สรุปว่าจริงรึปล่าวคะ” นักข่าวถามถึงข่าวเมื่ออาทิตย์ก่อนเกี่ยวกับเขาและนักแสดงสาวซอจีซู ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องจริง


“ไม่มีอะไรครับ เราสองคนเป็นพี่น้องที่สนิทกันครับ” นี่ถ้าอีซองยอลมาได้ยินคำถามนี่จะแผลงฤทธิ์อะไรออกมาอีกรึปล่าวก็ไม่รู้ รายนั้นเขาไม่ชอบอะไรที่มันซ้ำซาก ปฏิเสธแล้วยังมากล่าวหาเนี่ยเป็นสิ่งที่คนหน้าหวานรำคาญสุดๆ  


นึกถึงวันนั้นที่โดนซองยอลแผลงฤทธิ์ใส่ก็ใช้ย่อยเหมือนกัน คนอย่างคิมมยองซูไม่ใช่พระอิฐพระปูน ก็ตามที่ซองยอล ก็ไปต่อที่บ้านนั้นแหละ….


“กับคุณซองยอลนี่ยังรักกันดีใช่ไหมคะ” คำถามที่สองถูกยิงมาจากนักข่าวอีกคนทันทีที่ตอบคำถามแรกจบ ถึงคำถามนี่ฟังแล้วมันตะหงิดตะหงิดไปบ้าง แต่มยองซูก้ต้องเก็บอาการไม่พอใจไว้ก่อนจะตอบออกไป


“ครับ เราสองคนมีความสุขกันดีครับ”


“แล้วทำไมคุณซองยอลถึงไม่มาหละคะ หรือว่าที่คุณทำมาทั้งหมดก็เพื่อกระแสเรื่องมุมมองความรักในรูปแบบที่เปิดกว้างคะ”


ติ้ด!!!!


มือเรียวปิดโทรทัศน์ทันทีด้วยความโมโหก่อนจะโยนรีโมตทิ้งอย่างไม่ใยดี
ทางด้านคนที่ดูถ่ายทอดสดอยู่ที่บ้านอย่างอีซองยอล พอได้ยินคำถามที่แสนน่ารำคาญของพวกนักข่าวเจ้าตัวก็ฟิวส์ขาดทันที เอาจริงก็ตั้งแต่คำถามแรกเรื่องซอจีซูแล้ว นี่ก็ผ่านมาร่วมอาทิตย์พวกนักข่าวพวกนี้ยังไม่หยุดพล่ามอีก ยิ่งได้ยินคำถามสุดท้ายที่เป็นเหมือนการดูถูกความรักของเขาทั้งสอง เขาก็ยิ่งโมโหจนไม่ได้ฟังด้วยซ้ำว่ามยองซูอะไรออกไป คนตัวบางรีบลุกขึ้นไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเพื่อที่จะเดินทางไปยังสถานที่จัดงานอย่าง INCEPTION CLUB


ถามหากันดีนักว่าทำไมไม่มา
เดี๋ยวเจอกันแน่



“พี่มยองซูเป็นอะไรรึปล่าวคะ หน้านอยด์มาเชียว” ซอจีซูที่เข้ามาในงานตั้งนานแล้วเอ่ยทักรุ่นพี่คนสนิทที่เดินหัวเสียเข้ามาให้ตัวไนท์คลับ หญิงสาวส่งเครื่องดื่มที่เป็นคอกเทลเบาๆอย่างมาการิต้าให้มยองซูเพื่อให้อีกคนได้ดื่มดับอารมณ์สักหน่อย


“ขอบใจนะจีซู” มยองซูเลือกที่จะนั่งโต๊ะเดียวกับหญิงสาวเพราะโดนรอบมีเหล่านักแสดงที่มยองซูสนิทนั่งอยู่ด้วย หลังจากกระดกมาการิต้าไปแล้วมยองซูจึงระบายให้อีกคนฟังทันที


“ถามเรื่องพี่กับเธอแล้วก็เรื่องของพี่กับซองยอลวนไปวนมาอยู่นั้นแหละ น่ารำคาญ” มันน่าหงุดหงิดที่คนบางส่วนยังคงดูถูกความรักของเขาทั้งสองคนแล้วเอาแต่ถามเหมือนกับว่าเขากับซองยอลนั้นไม่ได้คบกันจริงจัง แต่เอาเถอะ สังคมที่ทำเป็นเปิดกว้าง แต่สุดท้ายก็ยังดูถูกกันอยู่ดี เขาก็ต้องทนๆไป


“ถ้าซองยอลได้ยินคงปรี๊ดแตกไปแล้ว เดี๋ยวคืนนี้ต้องรีบกลับไปบอกซองยอลให้ใจเย็นถ้าเห็นข่าวพรุ่งนี่เช้า”


“พี่….พี่ลืมอะไรไปรึปล่าว งานวันนี้ตรงข้างหน้าที่สัมภาษณ์มีถ่ายทอดสดนะพี่มยองซู”
พระเอกหนุ่มหันไปที่กลางร้านก่อนจะพบว่าช่องที่เปิดอยู่ในร้านนั้นกำลังถ่ายทอดสดบรรยยากาศข้างหน้างานอยู่


“หวังว่าซองยอลจะไม่ดูละกันนะ” มยองซูหยิบมาการิต้าอีกแก้วขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมดก่อนที่จะนั่งคุยกับบรรดาเพื่อนนักแสดงไป


หวังว่าซองยอลจะไม่ได้ดูละกัน เพราะเขาไม่อยากให้ซองยอลต้องมาหัวเสียสักเท่าไหร่ เวลาที่ซองยอลหัวเสียเนี่ย เจ้าตัวมักจะมาในรูปแบบที่คาดไม่ถึงเสมอ
แต่ดูเหมือนคำขอของมยองซูจะไม่เป็นจริง…


“พี่มยองซู… พี่ซองยอลมา” จีซูชี้ไปยังจอใหญ่ที่ฉาบภาพบรรยากาศหน้างานก่อนที่จะเห็นคนรักของตนเองกำลังเดินไปที่จุดสัมภาษณ์ ไม่ต้องเสียเวลาคิด มยองซูรีบลุกออกไปที่หน้างานทันที


พระเอกหนุ่มรีบแหวกฝูงชนออกไปทันทีก่อนจะพบว่าตอนนี้ซองยอลอยู่ในวงล้อมนักข่าวเรียบร้อยแล้ว และเมื่อมีคนเห็นมยองซู ทุกคนก็พร้อมใจกันแหวกทางให้ทันที


แต่สิ่งที่ทำให้มยองซูแทบจะคลั่งไม่ใช่นักข่าวหรอก แต่กลับเป็นอีซองยอลแฟนเขานี่แหละ ที่แต่งตัวได้ล่อตาล่อใจพวกหมาป่าเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก เสื้อคอกว้างเนื้อบางของอีกฝ่ายนั้นแทบจะทำให้เห็นแผงอกเนียนของซองยอลลึกไปถึงหน้าอก ไหนจะกางเกงขาสั้นและการแต่งหน้าในวันนี้อีก!
“มาพอดีเลย ตกลงว่าความสัมพันธ์ของคุณสองคนเป็นยังไงหรอคะ”


“ผมว่าผมตอบชัดเจนดีแล้วนะครับว่าพวกเรารักกันดี ถ้าไม่มีอะไรพวกผมขอตัว”


มือหนาของพระเอกหนุ่มเอื้อมไปโอบร่างเพรียวบางของอีกซองยอลทันทีก่อนจะรีบลากเข้าไปภายในงานทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้อารมณ์ของใครจะร้อนกว่ากัน ระหว่างอีซองยอลที่มาที่นี่เพราะความหงุดหงิดเรื่องข่าวกับคิมมยองซูที่กำลังหงุดหงิดเรื่องเครื่องแต่งกายของอีกฝ่าย สุดท้ายทั้งคู่ก็เดินมาถึงโต๊ะเดิม
“พี่ซองยอลสวัสดีค่ะ” ซอจีซูโค้งให้กับซองยอลทันทีด้วยความเคารพ ซองยอลก็ถือเป็นรุ่นพี่เหมือนกัน ถึงจะคนละวงการก็เถอะ


“ทำไมแต่งตัวแบบนี้” แต่แทนที่บรรยากาศจะเริ่มต้นด้วยดี มันกลับกลายเป็นเริ่มด้วยคำถามที่ดุดันของมยองซู คนตัวสูงมองแฟนของตนเองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนที่จะพูดสิ่งที่ไม่พอใจออกไป


“อยากยั่วคนอื่นมากรึไงซองยอล ถึงได้แต่งตัวโป๊แบบนี้”


“นี่มยองซู พูดให้มันดีๆ ฉันอุส่ามาแก้ข่าวนะ แทนที่นายจะหัวเสียใส่ฉัน นายควรขอบคุณฉันมากกว่าไหม คิมมยองซู!” น้ำเสียงของทั้งสองเริ่มแข็งขึ้นไปตามแรงอารมณ์ที่แต่ละฝ่ายมี


“เออ!! ฉันมันไม่ดีเอง ฉันมันผิดเองที่ไปด่านาย นั่งอยู่ตรงนี้ ห้ามไปไหน ฉันจะเอาเสื้อคลุมมาให้” ดูเหมือนจะเป็นประโยคยอมความ แต่แท้จริงแล้ว น้ำเสียงที่เปล่งออกไปนั้นกลับเต็มไปด้วยความหงุดหงิดของมยองซู


ยอมรับ ว่าเขาหึงจนน่ามืด ก็ที่นี่มันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างมีความต้องการในทางเดียวกัน การที่ซองยอลใส่เสื้อที่ทั้งแหวกและย้วยขนาดนั้น แถมยังแต่งหน้าเพิ่มความคมเฉี่ยวให้กับใบหน้าที่เคยหวานใสไร้เดียงสาอีก ใครๆก็ต่างรู้จักอีซองยอลนายแบบหนุ่มหน้าหวานที่แอบแฝงไปด้วยความเซ็กซี่ที่น่าค้นหา สิ่งเหล่านี้ทำให้คิมมยองซูรู้สึกหงุดหงิดใจเป็นที่สุด จะกลับก็ยังกลับไม่ได้เพราะพวกนักข่าวยังไม่ไป สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงแอบมาหยิบเสื้อคลุมที่รถเพื่อเอาไปให้ซองยอลใส่ทับ


กริ้ง! เสียงโทรศัพท์ของมยองซูดังขึ้นก่อนจะพบว่าเป็นชื่อของประธานค่ายอย่างคุณจุงยอบที่โทรเข้า ไม่รอให้เสียเวลา คิมมยองซูรีบกดรับทันที


“ครับบอส”
“วันนี้นายตอบคำถามอะไรไป ตอนนั้นนายรู้ตัวใช่ไหมว่าทำอะไรอยู่” เสียงที่ค่อนข้างเคร่งเครียดของบอสนั้นไม่ได้ทำให้มยองซูเครียดตามเลยสักนิด เจ้าตัวกลับตอบไปอย่างเรียบง่ายๆ
“มีปัญหามากนักเดี๋ยวจัดงานแถลงเลยก็ได้นะบอส ผมเฉยๆ ผมไม่ได้กงัวลอะไร”
“จ้าา พ่อรูปหล่อ ยังไงฉันก็ต้องช่วยแกอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงนะ”
“ครับ” สุดท้ายมยองซูก็กดวางสายไปพร้อมกับนึกถึงสิ่งที่พูดไปเมื่อตอนเย็น เขาเป็นคนที่คิดก่อนพูดเสมอ เพราะฉะนั้น ไม่จำเป็นจะต้องมาเสียฝจภายหลัง


คนร่างหนารีบคว้าเสื้อคลุมออกมาจากรถก่อนที่จะเดินกลับไปในงาน ทันทีที่กลับเข้ามาข้างใน มยองซูก็ตรงไปยังโต๊ะของตนเองทันที แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อไม่เห็นซองยอลนั่งอยู่แล้ว ไม่รอช้า มยองซูรีบเดินเข้าไปถามจีซูทันที


“ซองยอลไปไหน!”


“กลางฟลอร์แล้วพี่มยองซู” จีซูชี้ไปที่ร่างบางที่กำลังวาดลายอย่างสนุกสนานท่ามกลางชายหญิงมากมายที่กำลังปลดปล่อยอารมณ์ไปตามเพลง ไม่ใช่แค่ท่าเต้นที่แสนยั่วยวนของซองยอล แต่สิ่งที่อยู่ในมือซองยอลนั้นก็คือกระป๋องเบียร์กระป๋องยักษ!


“ก่อนออกไปนี่กี่แก้ว” มยองซูหันมาถามจีซูที่นั่งอยู่ตรงนี่ตลอดเพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ


“......ก่อนไปก็ on the rock อ่ะพี่มยองซู” พอได้ยินชื่อที่อีกคนดื่มเข้าไป ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยว่าตอนนี้สภาพซองยอลเป็นยังไง คนคอแข็งที่กินเบียร์ได้ไม่เกิน 2 ขวดก็คงเริ่มกรึ่มๆแล้วหละ


“พี่มยองซูก็คุยดีๆดิ ดุพี่ซองยอลอยู่นั้นแหละ” จีซูต่อว่าอีกคนที่เอาแต่ใช้อารมณ์ เพราะก่อนหน้านี่ ก่อนที่ซองยอลจะเริ่มกรึ่มๆ คนตัวบางก็บ่นอย่างน้อยใจว่าอุส่ามาหาที่นี้ยังจะมาอารมณ์เสียใส่อีก ซึ่งจีซูก็เห็นด้วยว่าคิมมยองซูไม่ควรดุซองยอลแบบนี่


“หึงมากก็ไปตามพี่เขาออกมา แล้วกลับไปเคลียกันที่บ้าน”
ชายหนุ่มมองไปยังร่างบางที่ยังคงโชว์ลีลาโดยที่ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่สนแม้แต่ว่าตอนนี้มีหนุ่มมาขนาบข้างกายถึงสองคน อาจจะเป็นพระลมเพชหึงที่พัดพามยองซูให้เดินไปหาซองยอลด้วยความรวดเร็ว ไม่ถึง 10 วินาทีคิมมยองซูก็ผ่าดงเหล่านักท่องราตรีเข้าไปได้ก่อนที่จะไปยืนอยู่ข้างคนรักของเขาที่ตอนนี้สติสัมปชัญญะเริ่มเลอะเลือนไปพอสมควรเลย


“วู้ววววววว มาสนุกกันเร็ว”


แก้มป่องทั้งสองข้างที่เคยขึ้นสีเพราะความเขินกลับกลายเป็นขึ้นสีแดงแจ๋เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลที่แล่นอยู่ในตัว วงตากลมโตสุกใสกลับกาลเป็นดวงตาที่หวานหยดเยิ้ม รอยยิ้มอันแสนใสซื่อพร้อมกับเสียงโห่ร้องที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากสีเชอรี่นั้นทำให้ใครๆก็ต่างเหลียวหลังมามองซองยอล


มีหรอ ที่คนอย่างคิมมยองซูจะยอม ในเมื่ออีซองยอลยังหึงเขากับคนอื่นได้ ทำไมมยองซูจะทำไม่ได้หละ และความหวงก็ยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวีคูณเมื่อเขาเห็นซองยอลกำลังจะรับเครื่องดื่มจากชายหนุ่มที่ส่งสายตาแพรวพราวมาใหเคนหน้าหวาน ไม่รอช้ามือหนาจัดการคว้าข้อมือเล็กของซองยอลทันทีก่อนจะกระชากให้อีกคนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด


“คุณทำอะไรหนะ ก็เห็นอยู่ว่าผมกำล…..” ชายหนุ่มที่จะยื่นเครื่องดื่มให้ซองยอลโวยวายใส่มยองซูที่อยู่ดีๆก็ฉุดกระชากอีกคนทันที แต่มยองซูก็ไม่ได้แคร์อะไร เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้กับซองยอล


“ขอโทษด้วยนะครับ นี้คนของผม”
“อารายกานนน อืดอาดด ปล่อยซองงงยอลน้าาา” คนเมาที่อยู่ในอ้อมแขนของมยองซูบ่นด้วยความไม่พอใจทันที ร่างเล็กพยายามจะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการของอีกคน แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงได้


“ปล่อยยยยยยเดี๋ยววววววนี้น้าาาาาา ” ทำยังไงซองยอลก็ยังคงไม่หยุดโวยวายสักทีจนตอนนี้คนทั้งผับเริ่มจะหันมามองทั้งคู่แล้วด้วยความที่ซองยอลนั้นโยเยเสียงดัง


“ซองยอลเงียบๆหน่อย กลับบ้านกัน”


“ม่ายเงียบบบ ม่ายกลับกาบมายองซูด้วย มายองซูมาหาว่าเราอ่อยยยย เราเกลียดมายองซูที่ซู้ดดดดด” คนเมาพูดออกมาตายที่ใจตัวเองอยากพูดโดยที่ไม่สามารถจะกลั่ยกรองได้เพราะสมองไม่ได้ทำงานทุกส่วน ซึ่งมยองซูก็พยายามอดทนและค่อยๆลากอีกคนออกไป เมื่อผ่านโต๊ะของบรรดาเพื่อนมยองซูก็จำต้องขอกลับก่อนเพราะซองยอลนั้นไม่ไหวแล้ว


“เกลียดๆๆๆๆๆๆๆๆ มายองซูคนนิสายม่ายดี!!!!”


“เกลียดๆๆๆๆๆๆๆ” ซองยอลยังคงพูดออกมาไม่หยุดและยิ่งเมื่อออกมาบริเวณลานจอดรถแล้ว ซองยอลก็ยิ่งดิ้นแรงเขาไปอีกเพราะไม่มีคนมาเบียดเสียดแล้ว


“จะไม่หยุดใช่ไหม” คำว่าเกลียดเป็นคำที่มยองซุไม่อยากได้ยินจากปากซองยอลเลยสักนิด เขาไม่ชอบคำๆนี่เกลียด


“เออ!! นายมันแย่ ฉันเกลียด เกลียด เกลี…...อื้อออ….อื้ม... ”
ริมฝีปากหนาทาบทับลงมาบนริมฝีปากสีเชอรี่ทันที ก่อนจะมอบสัมผัสอันแสนดุดันเพื่อที่จะกำราบเด้กดื้อให้อยู่หมัด ลิ้นหนาไล่กวาดชิมความหวานทั่วโพรงปากของอีกคน แลกเปลี่ยนรสสัมผัสที่หอมหวานให้กันและกัน โดยไม่สนด้วยซ้ำว่าพื้นที่ตไม่ว่าตรงนี้เป็นที่สาธารณะ คนที่ตอนแรกพยายามขัดขืนกลับค่อยๆโอนอ่อนไปตามอีกคนที่สามารถทำให้ซองยอลหลงไหลในสัมผัสของเจ้าตัวได้ ถึงจะได้ลิ้มชิมรสสวาทนี่กันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่สำหรับพวกเขา ทุกครั้งคือความแปลกใหม่เสมอ เสน่ห์ในด้านที่ไม่มีใครได้รับรู้นั้นต่างทำให้ทั้งคู่หลงไหลซึ่งกันและกัน คิมมยองซูค่อยๆผละริมฝีปากออกเมื่อเห็นว่าอีกคนเริ่มหายใจไม่ออก ดวงตาหวานเยิ้มของซองยอลนั้นทำเอามยองซูควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ เขาค่อยๆพาอีกคนขึ้นรถก่อนจะขาดเขดขัดนิรภัยให้ซองยอลอย่างดี


ในขณะที่มยองซูโน้มตัวไปคาดเข็มขัดให้ซองยอล ด้วยความที่เขาต้องโน้มตัวเขาไปคาดให้ซองยอลทำให้ระยะห่างระหว่างกันนั้นมีแค่เพียงไม่ถึงคืบ อาจเพราะแรงอารมณ์จากจูบที่แล้วที่ยังคงไม่มอดลงบวกกับสติที่ไม่เต็มร้อยของซองยอลที่ทำให้ซองยอลนั้นค่อยๆไล่จูบไปหลังคอของมยองซูในขณะที่เจ้าตัวก้มลงไปคาดเข็มขัดให้ซองยอล


“น...นาย..อื้มม” มยองซูพยายามตั้งสติจากสัมผัสนุ่มของอีกฝ่าย แต่การเล้าโลมของซองยอลนั้นก็สุดแสนจะร้ายกาจ และมันก็มากพอที่ทำให้ความอดทนของคิมมยองซูขาดลง ชายหนุ่มประกบริมฝีปากลงไปทันทีที่ลุกขึ้นมานั่งในท่าปกติแล้ว สองมือรุงหัวทุยไว้ไม่ให้ห่างไปไหน เช่นเดียวกับซองยอลที่ให้ความร่วมมือโดยการปรับองศาให้พอดีกับลิ้นหนาที่จะเข้ามาดูดชิมความหวานจากซองยอล


“อื้อ...อื้มม มยองซู”


คิมมยองซูค่อยๆไล่เลียน้้ำหวานใส่ที่ไหลออกจากปากของซองยอลที่ตอนนี้มันกำลังไหลไปยังซฮกขอขาวเนียน คิมมยองซูไล่ชิมมันราวกับน้ำหวานก่อนจะฝังใบหน้าลงบนคอระหง


“อ้า อื้มม มยองซู”


สัมผัสหวามไหวที่อีกคนมอบให้นั้นทำให้ซองยอลลืมความโกรธที่มี เพราะมันถูกแทนที่ด้วยไฟราคะที่ค่อยๆพุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากหนาของมยองซูขมเม้มลงบนหอระหงั ดูดดึงจนมันเป็นรอยจางสีกุหลาบอย่างที่เจ้าตัวนั้นชอบใช้ตีตราจองคนหน้าก่อนที่จะค่อยๆไล่เลียใบหูนิ่มจนซองยอลนั้นสะท้านไปทั้งกาย


“เสียใจด้วยนะซองยอล ฉันไม่เคยทำอะไรกับใครตอนเมา มันจะเป็น รัก ที่ดีกว่านี้หากเราสองคนรับรู้ในทุกการกระทำ” น้ำเสียงนุ่มทุ่มกระซิบบอกเหตุผลที่ตอนนี้มยองซูหยุดการกระทำทุกอย่างลง มือหนาจัดการกดปุ่มไฟฟ้าเพื่อปรับที่นั่งของอีกคนในเอนราบก่อนจะหยิบเอาเสื้อคลุมตัวเดิมที่เคยจะให้ซองยอลใส่ทับมาห่มให้คนตัวบางที่ตอนนี้สติเริ่มหายไปจนใกล้จะเข้าสู่ห้วงนิทราอยู่แล้ว


“ไว้พรุ่งนี้เช้าเราค่อยคุยกันนะ เด็กดื้อของฉัน” มยองซูจุมพิตเบาๆลงบนหน้าผากกลมมนก่อนที่จะค่อยๆขับรถพาอีกคนกลับบ้าน


เขาไม่อยากจะทำอะไรซองยอลในตอนที่อีกคนนั้นไม่รู้เรื่อง ทุกครั้งที่มีการร่วมรัก มันคงจะดีกว่าถ้าทั้งคู่ต่างจดจำทุกการกระทำ ทุกคำบอกรักที่เปล่งออกมาในขณะที่กำลังทำกินกรรมด้วยกันได้ วันนี้ซองยอลนั้นเมามาก เขาจะไม่ฉวยโอกาสตรงนี้ทำร้ายอีกคนเด็ดขาด


เพราะซองยอลคือดวงใจของคิมมยองซู

แสงแดดยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในห้องปลุกให้คนขี้เซาค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะพบว่าตอนนี้ซองยอลกำลังนอนหลับสบายอยู่บนตักของมยองซู


“ตื่นแล้วหรอเด็กดื้อ” มยองซูปัดปอยผมที่ลงมาปรกหน้าของซองยอลออกเบาๆก่อนที่จะยื่นผ้าเย็นให้ซองยอลเพื่อให้อีกคนเช็ดหน้าเพิ่มความสดชื่น


“แฮงค์รึปล่าว กินยาก่อนนะ” ซองยอลที่ยังคงเมาขี้ตาทำตามทุกอย่างที่มยองซู เขาค่อยๆหยิบยามาทานก่อนที่กลับไปซุกตักของคิมมยองซูต่อ


เมื่อคืนซองยอลกลับมาที่ห้องได้ยังไงกัน?


เขาจำได้แค่ว่าเมื่อวานซองยอลกับมยองซูมีปากเสียงกันเล็กน้อยก่อนที่ซองยอลจะดื่ม ดื่ม ดื่ม และดื่มจนภาพเหตุการณ์ท้ายๆนั้นเลือนลางจนแทบจะหายไปเลย เขาจำไม่ได้เลยสักนิดตั้งแต่ตนเองเข้าไปอยู่กลางวงล้อมของนักท่องราตรี


“นายจำได้ไหม ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น” ซองยอลส่ายหน้าแทนคำตอบทันที เขาจำอะไรไม่ได้เลยสักนิดเดียว


“แต่นายไม่ต้องเล่าหรอก ฉันไม่จำเป็นต้องรู้มันหรอก”เหตุการณ์ที่มันผ่านๆไปแล้วก็ให้มันผ่านๆ ไป แค่เขาตื่นมาแล้วพบมยองซูอยู่ข้างๆก็พอแล้ว ถึงแม้จะจำได้ลางๆว่าเราทะเลาะกัน แต่มันก็แค่เรื่องเล็กๆ ปล่อยผ่านไปบ้างเถอะ ชีวิตคู่จะได้สุขสบาย


“เมื่อคืน ฉันขอโทษนะซองยอล ที่ฉันงี่เง่าก็เพราะว่าฉันหึงนาย ฉันรักนายมารู้ไหม”


เมื่อคืนมยองซูผิดที่ไม่มีเหตุเกินไป เขายอมรับผิดทุกประการ และสัญญาว่าต่อไปนี้ จะไท่หึงจะพาลทำให้ซองยอลเสียใจอีก


“ไม่เป็นไรหรอก เพราะบางทีฉันก็งี่เง่าใส่นาย ฉันก็รักนายมากนะ คิมมยองซู”


รักมากหวงมากหึงมาก เป็นเรื่องธรรมดา แต่รักมาก ก็ต้องเชื่อใจให้มากเช่นกัน


“ยอลไม่โกรธมยองนะ ไม่ต้องกังวล”


มยองซูโน้มตัวลงมามอบจุมพิตแผ่วเบาให้ซองยอลอีกครั้ง ไม่มีการรุกล้ำได้ๆ มีเพียงการถ่ายทอดความรักที่แต่ละคนมีให้กันและกัน


ติ้ง!!ดทร
เสียงเตือนข้อความในโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำให้ทั้งคู่ละสัมผัสจากกันก่อนที่คิมมยองซูจะเปิดดูข้อความที่บอสส่งมา


บอสนิม : เปิดข่าวตอนนี้เลย ข่าวพวกนายสองคนเมื่อ


มยองซูไม่รอช้าหยิบรีโมททีวีที่อยู่บนหัวเตียงก่อนที่จะเปิดไปยังช่องที่บอสบอก


“นี่มันงานเมื่อวานหนิ” คนตัวบางที่นอนอยู่ที่ตักมยองซูร้องขึ้นด้วยความสนใจ


“เมื่อวานฉันยังดูไม่จบเลย พอถึงคำถามสุดท้ายก็ปิดก่อนเพราะโมโห”
“งั้นก็ตั้งใจดูละกันซองยอล นายพลาดชอคสำคัญ”


ดวงตากลมโตจ้องมองไปที่โทรทัศน์ด้วยความตั้งใจ เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าคำถามสุดท้ายนั้นมยองซูตอบไปว่าอะไร เพราะมันเป็นคำถามที่เรียกว่าโคตรแย่เลยแหละ เมื่อจะถึงคำถามนั้น ซองยอลก็เงียบแล้วตั้งใจฟังทันที

“แล้วทำไมคุณซองยอลถึงไม่มาหละคะ หรือว่าที่คุณทำมาทั้งหมดก็เพื่อกระแสเรื่องมุมมองความรักในรูปแบบที่เปิดกว้างคะ”

“เอาเป็นว่า ปลายปีนี้ยังไงก็ขอเชิญมางานแต่งของพวกเราสองคนด้วยละกันนะครับ ผมวางแพลนไว้แล้ว ถ้าพวกคุณคิดว่าผมจะเสียตังค์เป็นล้านวอนเพื่อลงทุนจัดงานแต่งสร้างกระแส ก็เชิญครับ ผมคงพัฒนาสมองพวกคุณไม่ได้แบ้ว”


“ขี้ตู่ ใครบอกจะแต่งด้วย” ซองยอลยู่ปากด้วยความหมั่นไส้ มาขี้ตู่ได้ยังไง ขอแต่งงานก็ยังไม่ได้ขอเลย


“ถ้าถึงเวลาแล้วนายไม่ยอม ฉันก็จะทำให้นายยอมเอง”


อีซองยอลรักคนคนนี้เข้าไปได้ยังไงนะ


ก็ไม่รู้หละ ก็มันรักไปแล้วหนิ

รักมากด้วย





talk
ขอบอกว่าง่วงมากเพราะมันดึกแล้วแต่อยากลง ฮ่าๆๆๆ เป็นยังไงบ้างคะสีนี้ มันเป็นสีโปรดของเราเองแหละมันแซ่บ แต่ตอนนี้ไม่แซ่บเพราะเราง่วง ขอโทษษษ กราบบ ยังไงชอบไม่ชอบมาคุยกันได้ที่ #MYLiptalk นะคะ แนะนำสีลิปมาได้เลยนะคะ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่ให้ความรักกับลิปทอล์คค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น