วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560



MY Lip Talk series
pair : Myungsoo x Sungyeol
tag : #MYLiptalk

Myungyeol Lip Talk series [sf series]

First color : Kiss me harder 03Miss Single






การแต่งหน้า เป็นสิ่งที่ทั้งหญิงและชายต่างทำกัน หลายคนบอกว่า การแต่งหน้านั้น สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ของคนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ด้วยพลังแห่งสีสันเครื่องสำอางค์


แต่มีเครื่องสำอางค์ชนิดนึงซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงเกือบทุกคนบนโลกใบนี้มีนั้นก็คือ “Lip Stick” หลายแบรนด์ มากสี หลากรูปแบบ ทั้งนี้ เจ้าเครื่องสำอางค์ชนิดนี้มีหน้าที่แต่งแต้มริมฝีปากของคนเราให้ดูมีสีสันมากกว่าที่เคยเป็น


ว่ากันว่า สี ของลิปสติกนั้น เป็นตัวแปรสำคัญของลุคที่จะออกมาให้แต่ละครั้งที่เราแต่งหน้า หากวันไหนที่เราต้องการความร้อนแรง ความจัดจ้าน ลิปสติกที่เราเลือกใช้ก็คงจะเป็นสีที่มีความเข้มและจัดจ้าน ส่วนวันไหนที่เราต้องการลุคที่ดูเรียบร้อย ดูธรรมชาติ ลิปที่ใช้อาจเป็นเพียงลิปกลอสสีบางเบา หรือสีที่อ่อนและดูเป็นธรรมชาติ


หากเปรียบสีของลิปสติกเป็นอารมณ์ของคนเรานั้น บางวันเราอาจจะดุดัน บางวันเราอาจจะอ่อนหวาน ซึ่งมันก็เป็นแค่สิ่งปรุงแต่ง เพราะแท้จริงแล้ว เรา ก็ยังเป็นเราคนเดิม


แล้ววันนี้หละ คุณใช่ลิปสติกสีอะไร?





ในสตูดิโอถ่ายแม็กกาซีนวัยรุ่นชื่อดังที่ตอนนี้ถูกตกแต่งและเซ็ตฉากด้านหลังให้เป็นสีขาวสว่างดูสะอาดตาถูกเซ็ตไว้เพื่อเตรียมเป็นฉากในการถ่ายแบบวันนี้ เหล่าบรรดาทีมงานต่างเริ่ใถยอยกันเข้ามาเช็คไฟและองศาการถ่ายภาพต่างๆรวมถึงเซ็ตฉากให้สมบูรณ์ตามที่ต้องการ
ถัดไปอีกห้อง ด้านหน้าของกระจกบานใหญ่ปรากฏชายหนุ่มสองคนที่กำลังแต่งหน้าและทำผมกันอยู่เพื่อรอที่จะถ่ายแบบในวันนี้


ในวินาทีนี้ คงจะไม่มีใครที่ฮอตไปมากกว่าคู่รักอย่าง ‘มยองซูและซองยอล’ นายแบบและดารานักแสดงชายชื่อดังที่เพิ่งประกาศว่าทั้งสองนั้นไม่ได้มีสถานะเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน แต่ทั้งคู่นั้นเป็น คนรู้ใจ ของกันและกันมานานแล้ว เรียกได้ว่าตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้าวงการซะด้วยซ้ำ


จะบอกว่าเป็นคู่รักที่ไม่แคร์สื่อก็คงจะได้ เพราะทั้งมยองซูและซองยอลนั้นก็ไม่เคยปิดบังความสัมพันธ์อะไรทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะมีแฟนคลับบ้างส่วนที่ไม่พอใจ หรือสังคมจะไม่เปิดใจ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะในเมื่อเขาทั้งสองรักกัน เขาก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ความรู้สึกใครมากไปกว่าความรู้สึกของกันและกัน


“ของน้องซองยอลเสร็จแล้วนะคะ เดี๋ยวเชิญไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้เลยค่ะ” ดวงตากลมโตถูกแต่งแต้มด้วยอายไลน์เนอร์สีนำสนิทจนคมเฉี่ยว ริมฝีปากอวบอิ่มถูกแต่งแต้มด้วยทินท์สีแดงระเรื่อจนน่ามอง พวงแก้มใส่มีสีระเรื่อของบลัชออนประปราย ผมสีน้ำตาเข้มถูกเซตให้ดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยแต่แฝงไปด้วยความธรรมชาติ
ในวันนี้โคดี้นูน่ารังสรรค์ให้ทั้งสองคนอยู่ในลุคที่เบาสบายแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนเล็กน้อย ตามคอนเซป “Good moring” คอนเซปของคู่รักในยามเช้าที่เพิ่งตื่นนอน


“ขอบคุณนะครับพี่จีเอ ของมยองซูต้องแต่งอีกนานไหมอะครับ” ซองยอลที่แต่งหน้าทำผมเสร็จแล้วหันไปถามโคดี้อีกคนที่กำลังแต่งหน้าให้มยองซูอยู่


“ถ้าไม่นาน ผมจะได้รอไปเปลี่ยนด้วยกัน”


ในวันนี้ นอกจากคอนเซปของการถ่ายรูปจะเป็นการแสดงความรักในยามเช้าแล้ว อีกสิ่งที่ถือได้ว่าเป็นจุดพีคของการถ่ายแบบก็คือเรือนร่างของนายแบบทั้งสอง วันนี้ทั้งมยองซูและซองยอลอาจจะต้องเผยเรือนร่างส่วนบนให้ได้ถ่ายภาพกันสักเล็กน้อยเพื่อความสมจริงของคอนเซป ซึ่งนั้นแหละ เป็นสิ่งที่คนอย่างซองยอลไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่


“เสร็จพอดีเลยค่ะน้องยอล หล่อไหม พี่ตั้งใจแต่งสุดฝีมือเลยนะ” ซองยอลหันไปมองคนรักของตัวเองที่ก็ถูกแต่งออกมาในลุคไม่ต่างกับซองยอลมาก ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นยังคงดึงดูดซองยอลให้หลงเข้าไปในภวังค์ของมันได้เสมอ ผมสีดำสนิทถูกเสร็จให้ดูยุ่งเหยิงเหมือนกับเด็กที่เพิ่งตื่นนอน ซึ่งซองยอลมองว่ามันน่ารักมากๆเลยแหละ :)


“งั้นเดี๋ยวผมกับซองยอลขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ” ไม่พูดปล่าวมยองซูจับมือของคนตัวบางก่อนจะดึงขึ้นจากเก้าอี้และมุ่งหน้าไปยังห้องแต่งตัวด้วยกัน


“มยอง” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังเดินไปเปลี่ยนชุด


“อะไรหรอยอล”


“วันนี้เราจะทำออกมาได้ดีไหมอ่ะ” ถึงซองยอลจะเป็นนายแบบอาชีพ ส่วนมยองซูเป็นนักแสดง แต่นี้ก็เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้ถ่ายแบบด้วยกันสองต่อสอง พูดตามตรงเลยว่า ถึงจะเป็นนายแบบอาชีพ แต่ซองยอลก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้


“เรากลัวเราแสดงความรู้สึกออกมาได้ไม่ดีอ่ะ”


ในการถ่ายภาพนิ่ง สิ่งที่จะเป็นตัวสื่อสารทุกอย่างออกมาก็คือท่าทางและสายตา ซองยอลกลัวว่าวันนี้ เขาจะประหม่าจนทำมันออกมาได้ไม่ดี


“เราต้องถ่ายกันกี่โมงหรอ?” มยองซูผู้ซึ่งจำตารางงานไม่ค่อยได้ถามซองยอลถึงเวลาที่จะถ่ายทำ เพื่อว่าเขาจะให้เวลาซองยอลได้ผ่อนคลายลงบ้าง


จริงๆมยองซูแหละว่าซองยอลจะต้องทำออกมาได้ดี เพราะการถ่ายแบบคือาชีพหลักของซองยอล เป็นตัวเขาเองต่างหากที่ไม่ค่อยได้ทำงานด้านภาพนิ่ง แต่ด้วยนิสัยของคนตัวบางที่เป็นคนขี้กังวล มยองซูจึงอยากะหาอะไรบางอย่างเพื่อให้ซองยอลได้ผ่อนคลายก่อนที่จะทำงาน


“11 โมง ตอนนี้เพิ่ง 9.45 เอง ทำไมหรอมยอง” ซองยอลถามอีกคนด้วยความสงสัย


“เราว่ายอลเครียดเกินไป ไปหาอะไรทำผ่อนคลายกันก่อนดีไหม” มยองซูยื่นข้อเสนอให้กับซองยอล ซึ่งซองยอลก็พยักหน้าตอบตกลงโดยดี เพราะนี่ก็เหลือเวลาอีกตั้ง 1.15 ชม.กว่าจะถ่ายทำ ให้เขาได้ออกไปผ่อนคลายบ้างเพื่อที่จะได้ถ่ายงานได้ง่ายขึ้น


มยองซูเดินไปบอกพี่ๆทีมงามว่าพวกเขาขออกไปข้างนอกสักพักซึ่งทุกคนก็ยินดีเพราะรู้ว่าทั้งสองนั้นเป็นคนที่รับผิดชอบและจะกลับมาได้ทันเวลาถ่ายทำ เมื่อได้รับคำอนุญาตมยองซูก็พาซองยอลไปที่รถของตนเองทันทีก่อนจะขับออกไปจากสตูดิโอด้วยความรวดเร็ว


“เราจะไปไหนกันหรอมยอง” ซองยอลที่ไม่เคยขับรถถามด้วยความสงสัย เขาเองมีนิสัยเสียอย่างนึงคือไม่เคยจำเส้นทางได้เลย อยากจะรู้เหมือนกันว่ามยองซูจะพาไปไหน


“วันนี้พี่ซีวอนบรีฟมาว่ายังไงบ้าง” คนตัวสูงไม่ได้ตอบแต่กลับถามคำถามใหม่แทน


“ก็บอกว่าขอแบบแนบชิดกันหน่อย ฟิลแบบว่าแสดงความรักกันยามเช้าหนะ ไม่ต้องดูอีโรติกมาก นี้เป็นนิตยสารวัยรุ่น” ตามที่ทางบก.ได้บรีฟซองยอลมาก็คือขอแค่แนบชิดแต่ไม่ต้องถึงขั้นแนบแน่นและออกไปในทางที่ดูจัดจ้านเกินไป เป็นเหมือนความรักใสๆที่แฝงไปด้วยความร้อนระอุภายใน


“ปกติก่อนแสดงความรักตอนเช้าเนี่ย คนเราต้องทำอะไรหละ?” คนร่างสูงถามคนร่างบางพร้อมทั้งขับรถเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่ง วนขึ้นไปเรื่อยๆ เรื่อยๆโดยที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะจอด


“ก่อนตื่น ก็ต้องนอนหลับสิ มยองก็ถามแปลก” เสียงใสตอบอีกคนพร้อมทำขำไปด้วย ก่อนตื่นนอนก็ต้องนอนหลับสิ มีเรียวซุกซนเอิ่มไปจบผมที่ชี้ฟูของมยองซูเล่นอย่างสนุกสนาน


“ว่าแต่ เราขึ้นมาบนลานจอดรถสูงขนาดนี้ทำไมหรอมยอง” อาจจะเพราะมัวแต่เล่นเพลิน รู้ตัวอีกทีมยองซูก็วนรถขึ้นมาจอดบนลานจอดรถชั้นที่ไม่มีรถเลยสักคัน เป็นเพียงลานจอดรถโล่งๆ ที่มีแค่รถของเขาและมยองซูจอดอยู่คันเดียว


“แล้วก่อนนอนหลับเราจะทำอะไรก่อน” มยองซูยังคงยิงคำถามไม่หยุด มือหนาปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองออกก่อนที่จะโน้มตัวลงมาเพื่อที่จะได้ใกล้ซองยอลมากขึ้น


“อะไรกันมยอง ตอบเรามาก่อน พาเรามาที่นี้ทำไม” ซองยอลรู้สึกได้ถึงบางอย่าง สัญญาณเตือนบางอย่างบอกให้ซองยอลรับรู้ว่าตอนนี้ มันไม่ปกติ….


“ตอบเรามาก่อน ว่าก่อนนอนคนเราทำอะไรกัน” ดวงตาคมจ้องไปที่ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอย่างเจ้าเล่ห์ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเรื่องจับสัญญาณอะไรได้แล้วแหละ ซึ่งมยองซูก็ต้องการให้เป็นแบบนั้น


“ก่อนนอนก็ต้องแปรงฟันป่ะละ” ซองยอลตอบออกไปอย่างกวนๆ เพราะจริงๆแล้ว ซองยอลเข้าใจแล้วแหละว่า คำตอบ ที่อีกคนต้องการคืออะไร…


เจ้าเล่ห์นักนะ คิมมยองซู


“ผิด” มยองซูส่ายหน้า







“งั้นก็รีบๆเฉลยมาเถอะ ขี้เกียจ รอ แล้ว”


ริมฝีปากหนาของมยองซูทาบทับลงบนริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อของซองยอลทันที ไม่ต้องรอให้เสียเวลาทั้งสองต่างชิมความหวานของกันและกันทันที ลิ้นร้อนของทั้งคู่ผลัดกันกวาดชิมความหอมหวานและซาบซ่านอย่างไม่มีใครยอมใคร มยองซูค่อยๆเอื้อมทือไปปลดเข็มขัดนิรภัยของซองยอลออก ก่อนที่จะปรับเบาะให้เอนนอนลงไปโดยที่ริมฝีปากยังคงไม่ห่างจากก่อน


เสียงดูดดึงชิมความหวานดังก้องไปทั่วรถ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังอยู่นั้นก็ไม่อาจกลบเสียงแห่งความสุขสมของทั้งสองคนได้ มยองซูค่อยๆละริมฝีปากออกก่อนจะจ้องมองเขาไปในดวงตาของซองยอลที่ตนนี้กำลังหยาดเยิ้มไปดวงแรงปราถนา


“นี้แหละ วิธีที่จำทำให้นายผ่อนคลาย”


“แต่นายก็อย่างรุนแรงน….อื้ม..อ่า...”


ซองยอลร้องออกมาด้วยความเสียวซ่านเมื่อมยองซูซบเม้มที่บริเวณหลังใบหูก่อนจะลากไล้สัมผัสอันร้อนแรง แทะเล็มคอระหงก่อนจะฝากรอยสีกุหลาบเอาไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ ในขณะที่กำลังปรนเปรอให้ซองยอลได้สุขสันต์ เมื่อหน้าของมยองซูก็ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตของซองยอลออกช้าๆ ปากร้อนเลื่อนขึ้นไปมอบจุมพิตอันร้อนแรงเพิ่มไฟสวาทให้ลุกโชนขึ้น ซึ่งซองยอลก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยการค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตของอีกฝ่ายเช่นกัน


แต่ดูเหมือนว่ามยองซูนั้นจะชำนาญกว่า เพราะเมื่อปลดกระดุมของซองยอลเสร็จ ปากร้อนก็เข้าครองตุ่มไตสีหวานที่ประดับอยู่บนหน้าออกข้าวเนียนทันที โดยที่มืออีกขางก็ไม่ลืมที่จะลากไล้ไปทั่วเรือนร่างเนียนนุ่มสร้างความหฤหรรษ์ให้ซองยอล


“อ้า...ม..มยองซู...อ้า...”


เสียงครางซาบซ่านของซองยอลปลุกอารมณ์ของมยองซูให้ลุกโชน ถึงในรถจะเปิดแอร์เย็นช่ำ แต่บรรยากาศนั้นช่างร้อนแรงจนเหงื่อโซมกายคนทั้งสอง ซองยอลขยุ้มกลุ่มผมสีดำของมยองซูจนยุ่งเพื่อระบายความสะท้านจากการเล้าโลมของมยองซูที่ตอนนี้กำลังค่อยๆปลดกระดมกางเกงของซองยอลอยู่


“รู้สึกดีขึ้นไหมซองยอล” มยองซูถามพลางเล้าโลมแก่นกายสีหวานของซองยอลที่ตอนนี้กำลังต้องการที่จะปลดปล่อยออกมาแล้ว


“ด...ดี...นาย..นายช่วยทำให้ฉันผ่อนคลาย..กว่านี้..ได้ไหม...อื้อออ….”


พูดยังไม่ทันขาดคำนิ้วเรียวก็สอดแทรกเขามาในช่องทางรัก มยองซูค่อยๆทำการเบิกทางเพื่อให้อีกคนคุ้นชินเตรียมที่จะโอบกอดเขาไว้เหมือนครั้งอื่นๆ


“จ...เจ็บ.อื้อ...มยองซู..ไม่ไหว..แล้ว..”


ริมฝีปากหนาไม่ลืมที่จะขึ้นไปมอบจูบอันแสนเร่าร้อนไม่ต่างจากเบื้องล่างเพื่อให้อีกคนคลายหายจากความเจ็บปวดและรู้สึกผ่อนคลาย แต่ในขณะเดียวกันนั้น ซองยอลก็ไม่ยอมให้ตนเองถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว มือเรียวเลื่อนลงไปปลดกางเกงของอีกคนออกพร้อมทั้งทำเหมือนที่คนตัวสูงเคยทำให้กับตัวเอง


“อืม...ซองยอล..อืม...ดี...”


เสียงคำรามทุ่มต่ำด้วยความพอใจของมยองซูแสดงให้รู้ว่าเขานั้นรู้สึกมีความสุขที่ได้รับสัมผัสจากอีกคนแค่ไหน


“ม..มยองซู” เสียงหวานที่แหบพร่านั้นช่างเซ็กซี่เหลือเกินยามที่เอยชื่อของเขา


“มาผ่อนคลายไปด้วยกัน” ซองยอลเอื้อมมือไปปรับเบาะรถยนต์ก่อนจะเปลี่ยนสลับตำแหน่งโดยที่ตนเองขึ้นมาอยู่ด้านบนแทน


“นายมั่นใจใช่ไหมซองยอล”


“เหลือเวลาอีกไม่มากนะ จะทำอะไรก็รีบทำ อ้า...อื้อ...”


เสียงหวีดร้องอย่างสุขสมดังขึ้นเมื่อมยองซูยกร่างบางของซองยอลขึ้นก่อนจะค่อยๆลุกล่ำเข้าไปในร่างกายของอีกคนในคราวเดียว


“อ๊า...แน่นจัง...”


นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้โอบกอดกันและกันแบบนี้ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้รู้สึกดีแบบนี้ ซองยอลโน้มตัวลงไปก่อนที่จะประกบปากลงไปเพื่อแลกสัมผัสลึกซึ้งอีกครั้ง ไม่ลืมที่จะขยับตัวไปด้วยเพื่อสร้างความซาบซ่านในการกิจกรรมรักในครั้งนี้


“อ๊า...มยองซู..”


เสียงหวานเรียกชื่อบุคคลอันเป็นที่รักพร้อมทั้งมอบความสุขให้อีกฝ่ายอย่างไม่รู้จักเน็ตเหนื่อย เช่นเดียวกับมยองซูที่สวนสะโพกตอบรับทุกสัมผัสของคนน่ารัก


ไม่รู้เหมือนกันว่ากี่ปีแล้วที่พวกเรารักกัน ความสุขของการมีกันและกันนั้นแทบจะทำให้มยองซูลืมวันและเวลาเลยก็ว่าได้ แต่ไม่ว่าจะอีกนานแค่ไหน มยองซูก็จะเป็นของซองยอล และซองยอลก็จะเป็นของมยองซูเพียงคนเดียวเท่านั้น


ดวงตาของทั้งสองสบกัน คงไม่ต้องมีคำพูดใดๆมาอธิบายความรู้สึกของทั้งสองคนในเวลานี้ เพราะพวกเขาต่างใช้ภาษากายแทนคำพูดทุกอย่าง เมื่อสองประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันไปยังดินแดนแห่งความสุขที่มีเพียงซองยอลและมยองซูที่ได้เข้าไปเยือนเท่านั้น


มยองซูพลิกตัวกลับขึ้นมาอยู่ข้างบนก่อนจะค่อยๆพาร่างของตัวเองออกจาการโอบกอดของคนหน้าหวาน สัมผัสแผ่วเบาถูกประทับลงบนหน้าผากเนียนใสด้วยความรัก ซองยอลหลับตาพริ้มรอรับความสุขที่มยองซูมอบให้ก่อนจะหอมแก้มอีกคนเพื่อเป็นการตอบแทน


“ถ้ากลับไปแล้วโคดี้นูน่าดุนะ เราจะโทษมยองคนเดียวเลย” เสียงเจื้อยแจ้วอย่างแสนงอนเรียกรอยยิ้มของมยองซูได้เช่นเคย จริงๆตอนนี้ใบหน้าของเขาทั้งสองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากที่ถูกแต่งเมื่อเช้าหรอก ในทางกลับกัน ปากอิ่มของซองยอลในตอนนี้กำลังเห่อบวมเล็กนอยพร้อมทั้งเป็นสีแดงสดสวยงามกว่าตอนที่แต่งออกมาเสียอีก มยองซูหยิบทิชชู่ที่พกไว้ในรถก่อนจะบรรจงซับเหงื่อให้ร่างของซองยอล มอหนาจัดการแต่งตัวคนหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง


มยองซูยังคงเป็นคนอบอุ่นสำหรับซองยอลเสมอ ในเวลาที่ดูแลกันและกัน มยองซูนั้นอ่อนโยนกับซองยอลเสมอ แต่ในเวลาที่พวกเขามอบร่างกายห้กันและกัน มยองซูจะแฝงไปด้วยความร้อนแรงที่พร้อมจะหลอมละลายคนอย่างซองยอลเสมอ แต่ทุกสิ่งก็เป็นแค่อารมณ์ปรุงแต่งเท่านั้น เพราะยังไง ตัวตนที่แท้จริงของมยองซูนั้น ช่างแสนดีจนใครหลายๆคนคาดไม่ถึงเลยแหละ


ซองยอลช่วยมยองซูแต่งตัวและเช็ดเหงื่อเหมือนที่อีกฝ่ายทำให้ตัวเอง ทั้งสองช่วยกันแต่งตัวให้อยู่ในสภาพเดิมมากที่สุดเพราะตอนนี้ก็ 10.30 แล้ว ถึงเวลาพี่พวกเขาจะต้องกลับไปที่สตูดิโอเพื่อถ่ายนิตยสารต่อแล้ว


“ในเมื่อเราทำกิจกรรมก่อนนอนไปแล้ว เดี๋ยวเราตอนไปถ่ายแบบหลังจากที่เราตื่นนอน ยอลพร้อมไหม”


“อืม ยอลพร้อมแล้วแหละ”






ที่งานประกาศรางวัลปลายปีของนิตยสารชื่อดัง ซองยอลและมยองซูกำลังอยู่บนเวทีเพื่อที่จะรับรางวัลปกที่มียอดขายดีที่สุดในรอบปี ไม่น่าเชื่อว่าปกของซองยอลและมยองซูจะทำลายสถิติยอดขายทั้งหมดเท่าที่เคยมีมาแบบขาดลอย ทั้งคู่ขึ้นไปรับรางวัลด้วยกันก่อนจะถึงช่วงสัมพาสษ์ความรู้สึก ซึ่งมยองซูก็ให้ซองยอลเป็นคนตอบคำถามทั้งหมด


“ให้คำถามสุดท้ายแล้วนะคะ คุณซองยอลกับคุณมยองซูจะได้ไปพักผ่อน”  MC ของงานบอกบรรดาพี่ๆนักข่าวที่ต่างยิงคำถามเกี่ยวกับทั้งคู่ไม่หยุดหย่อน จนสุดท้ายก้มีหญิงสาวจากสำนักข่าวนึงเป็นคนถามมันออกมา


“ภาพของคุณซองยอลและคุณมยองซูสื่ออารมณ์ออกมาได้ดีมากๆเลยนะคะ ไม่ทราบว่าในตอนนั้นมีแอคติ้งโค้ชหรือการบรีฟยังไงถึงได้ภาพที่ออกมาได้ดีขนาดนี้คะ”


ทันทีที่คำถามจบ ซองยอลก็หันไปยิ้มให้มยองซู ซึ่งอีกคนก็พยักหน้าเพื่อให้ซองยอลได้ตอบตามสบาย


“พวกผมสองคนก็แค่ทำมันตามความรู้สึกอะครับ รู้สึกยังไงก็แสดงออกมา”


“ส่วนเรื่องการบรีฟแล้วก็แอคติ้งโค้ชเนี่ย...”


“จริงๆแล้วมันเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของเราสองคนครับ :)”


FIN

talk :)

สำหรับสาเหตุที่ต้องระเห็จมาลงที่นี้ก็คงจะทราบนะคะ 55555555555555 คุณคะ นี้คือครั้งแรก ฉีกกฏกุลสตรีทุกอย่าง คือแบบ กรุณาบอกเราด้วยว่ามันสมูทรึปล่าว กังวลยิ่งกว่าแต่งฟิคเรื่องแรกอีกค่ะแม่ขา 55555 


อยากจะบอกว่า มันไม่ใช่ซีรีย์อะไรหรอก แค่คิดว่า ถ้าฉันอย่างแต่ง SF แต่งไปแต่งมาเยอะรกไปหมด ก็เลยคิดว่า เราจะเอาสีของลิปมาเป็นตัวที่จะให้ SF ของเราในอนาคตอยู่ในโหมดเดียวกัน ชื่อตอนแต่ละตอนจะเป็นชื่อสีลิปสติกนะคะ แซ่บหรือใสก็อยู่ที่นะคะ 5555


ขอบคุณมากที่เข้ามาอ่านงานวี๊ดวิวครั้งแรกของเรานะคะ ยังไงก็ฝาก


#MYLiptalk ด้วยนะคะ จิบิ จุบุ






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น