วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560



MY Lip Talk series
pair : Myungsoo x Sungyeol
tag : #MYLiptalk


Myungyeol Lip Talk series [sf series]


Second color : Tom Ford 27 Bruised Plum






สิ่งที่มาคู่กับวงการมายาก็คงเป็นวงการปาปารัซซี่แหละ บางทีโลกใบนี้อาจจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นน้อยเกินไปจนเหล่าบรรดานักข่าวผู้กระหายผลตอบแทนต้องหันมาหาอะไรสกปรกๆ เอามาปัดฝุ่นตกแต่งสักนิดสักหน่อยด้วยการใส่สีตีไข่ ก่อนจะขายมันไปให้สำนักพิมพ์เพื่อความอยู่รอดของปากท้องตัวเอง


มือเรียวเควี้ยงโทรศัพท์ของตนเองลงบนเตียงอย่างแรงโดยไม่กลัวสักนิดว่ามันจะชำรุดด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะเดินกระแทกส้นเสียงดังออกจากห้องนอนเพื่อตรงไปยังห้องรับแขก เสียงตึงตังที่เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ของคนร่างบางนั้นเรียกความสนใจให้กับชายหนุ่มที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ให้หันไปมองทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น จนสุดท้ายร่างบางก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างแรง


“ยอลเป็นอะไร” เจ้าของใบหน้าคมสันอย่างคิมมยองซูถามคนรักของตัวเองทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายดูอารมณ์เสียผิดปกติ


อะไรกันที่ทำให้อีซองยอลของเขาต้องอารมณ์เสียตั้งแต่ตื่นนอน?


“หิวหรอ” ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมานาน มยองซูก็พอจะรู้ว่าคนตรงหน้ากินเก่งแค่ไหนและถ้าไม่มีอะไรตกถึงท้องคนหน้าหวานจะอารมณ์เสียขนาดไหน


แต่ซองยอลกลับส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะเหลือบสายตาไปยังโทรศัพท์ของมยองซูที่วางอยู่ข้างๆเจ้าของของมัน และเหมือนเมื่อมยองซูเห็นสายตาของซองยอลก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการให้เขาดูอะไรบางอย่างที่อยู่ในโทรศัพท์ ไม่รอช้ามือหนารีบคว้า iPhone 7Plus สีดำของตนเองขึ้นมาก่อนที่จะรีบเข้าไปในอินเทอร์เน็ตและดูทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเพราะตรงหน้าจอแจ้งเตือนก็ไม่ได้มีอะไร
แล้วมยองซูก็ได้คำตอบเมื่อฟีดข่าวแรกที่ขึ้นมาจากการค้นหาด้วยชื่อของตัวเองนั้นเป็นข่าวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งลงพร้อมรูปประกอบที่ชวนให้หัวเสีย


“ใครกันแน่ตัวจริงของมยองซู เดี๋ยวก็รู้ว่า ชาย หรือ หญิง


ตาคมพินิจมองรูปภาพที่ใช้ประกอบข่าวก่อนจะพบว่ามันเป็นภาพแอบถ่ายของเขาและดาราหญิงคนหนึ่งที่กำลังซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยกัน ภาพนั้นค่อยข้างชัดเจนว่าเป็นตัวของเขาเพราะมยองซูหันหน้ามาทางกล้องพอดี แต่คนที่เดินข้างๆเขานี่สิ นั้น ซอจีซู ดาราหญิงร่วมค่ายที่มยองซูนั้นรักดุจน้องสาวแท้ ถ้าจำไม่ผิดวันนั้นเขาแค่ออกไปซื้อขนมเพื่อเอากลับมาทานที่กองถ่ายเท่านั้นเอง


และยิ่งได้อ่านเนื้อข่าวด้านล่างก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกรังเกียจสำนักข่าวแย่ๆที่เอาแต่จะหากินกระแสโดยไม่สนใจความเป็นจริงสักนิด การใส่สีตีไข่ให้ความเท็จของเหล่านักข่าวนั้นช่างเป็นอะไรที่น่าสมเพชเสียจริง เขากับจีซูไม่เคยแม้แต่จะคิดเกินคำว่าพี่น้องเลยสักนิด


ต้องเป็นเรื่องนี้แน่ๆที่ทำให้ซองยอลหงุดหงิด ไม่รอช้าร่างหนาเขยิบตัวเข้าไปให้ใกล้กับซองยอลมากขึ้นก่อนที่จะกอดอีกฝ่ายพร้อมทั้งพูดจาออดอ้อนเพื่อง้อทันที จะปล่อยให้สุดที่รักอารมณ์เสียนานก็ไม่ดีหรอก


ใช่ไหมครับ :)


“ยอลก็รู้ว่าเรารักยอลคนเดียว กับจีซูก็เป็นแค่น้องสาวไง”


“เราไม่ได้โกรธมยอง” สุดท้ายซองยอลก็ยอลปริปากพูด ถึงแม้น้ำเสียงจะยังคงหงุดหงิดอยู่ แต่สิ่งที่เจ้าตัวพูดออกมานั้นทำให้คนฟังอย่างมยองซูใจชื้นขึ้นทันที
“เราแค่ เบื่ออออ พวกนักข่าว นี้มันครั้งที่ 5 แล้วนะสำนักข่าวมั่วๆพวกนี้เอาเรื่องนายกับจีซูมาขาย จะยุ่งอะไรหนักหนากับชีวิตคนอื่น” ซองยอลระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเต็มแม็กซ์ ต้นเหตุของความโมโหนั้นไม่ได้เป็นเพราะรูปของจีซูและมยองซูเลย แต่กลับเป็นสำนักข่าวบันเทิงที่เขียนข่าวโง่ๆไร้จรรณยาบรรณ


ในช่วงแรกที่เขากับมยองซูเปิดตัวกับสื่อว่าเขาทั้งสองที่ต่างเป็นคนที่ทำงานในวงการบันเทิงรักกัน มีข่าวพรรคนี้ออกมามากมาย แต่ซองยอลก็มักจะเลือกที่จะมองๆข้ามมันไป แต่สำหรับครั้งนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว ช่วงที่มยองซูถ่ายละครกับจีซูมันมีข่าวแบบนี้ออกมาถี่จนน่าหงุดหงิด แบบนี้จีซูอีกคนที่จะเสียไปด้วยทั้งๆที่ตนเองไม่ได้รับรู้อะไรเลยสักนิด
“เดี๋ยวเราจะไปบอกพ่อให้จัดการให้” เขาพอจะรู้ว่าพ่อของเขามีอำนาจพอที่จะทำให้ข่าวนี้หายไปได้ แถมยังสามารถทำให้สำนักข่าวสวะเหล่านี้หมดหนทางทำมาหากินได้ด้วย ที่สำคัญซองยอลจะได้ไม่ต้องมาหัวเสียกับเรื่องแบบนี้อีก


มือเรียวค่อยๆแกะมือของมยองซูที่โอบกอดตัวของเขาอยู่ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายก่อนจะเผยรอยยิ้มที่มยองซูนั้นไม่สามารถอ่านความหมายของมันได้พร้อมทั้งส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธความคิดมยองซู


“มยองไม่จำเป็นต้องบอกพ่อหรอก”


เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์…. แฝงไปด้วยความร้ายกาจ…..  ซองยอลกำลังคิดจะทำอะไรกัน?


แต่คำตอบของอีกฝ่ายนั้นก็พอจะบอกเป็นนัยให้มยองซูได้รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ถึงจะไม่รู้แน่ชัด แต่เขามั่นใจว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ ไม่ธรรมดา…..


“วันนี้นายมีถ่ายแบบเครื่องสำอางค์ใช่ไหม….งั้นฉันไปด้วย”


วันนี้ซองยอลจะมาในรูปแบบไหนกัน มยองซูก็อยากจะรู้แล้วสิ…….





ในที่สุดคู่รักนายแบบนักแสดงก็เดินทางมาถึงสถานที่ถ่ายทำ ad โฆษณาตัวใหม่ของมยองซู เพราะละครที่เพิ่งจะออนแอร์ไปทำให้งานพรีเซนเตอร์รุมจีบนักแสดงหนุ่มอย่างมยองซูเต็มไปหมด ไม่เว้นแม่แต่แบรนด์เครื่องสำอางค์ ทางด้านซองยอลที่เพิ่งเสร็จจากงานเดินแบบและถ่ายแบบ Seoul Fashion Week ก็ได้เวลาพักผ่อน ช่วงนี้เขาจึงว่างพอที่จะตามคนรักมาทำงาน


สำหรับ ad ที่ถ่ายในวันนี้เป็น ad ชองลิปสติกตัวใหม่ของแบรนด์เครื่องสำอางค์นี้ที่ทำออกมาเอาใจสาวเอเชียที่ชื่นชอบการแต่งหน้าแบบจัดจ้าน โดยรุ่นนี้มีคุณสมบัติก็คือติดทนนานและแห้งไว้ไม่เหนอะหนะ ดังนั้น adที่จะถ่ายวันนี้จึงต้องมีการจุ๊บแก้มโชว์เพื่อที่จะแสดงให้เห็นประสิทธิ์ของลิปสติกว่าติดทนนานและแห้งไว ทางผู้กำกับจึงเข้ามาบรีฟนายแบบและนางแบบทันที


“วันนี้นะมยองซูจะต้องมีรอยลิปสติกติดอยู่ที่แก้มขวาก่อน เป็นเหมือนตัวแทนลิปสติกแบรนด์อื่นนะ แล้วที่นี้ซูบินจะต้องมาจุ๊บแก้มขวาแล้วจะได้เห็นว่าไม่มีรอย เข้าใจใช่ไหม” นักแสดงนำทั้งสองพยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจงานก่อนจะแยกย้ายกันไปแต่งหน้าทำผม
“ยอลรอแปปนึงนะ เดี๋ยวเสร็จแล้วเราจะพาไปกินไก่ทอด” มยองซูหันไปบอกคนรักที่ขอติดตามมาทำงานด้วยซึ่งซองยอลก็พยักหน้ารับคำอย่างดี ตลอดช่วงเวลาที่ขับรถมาทำงาน มยองซูพยายามคิดว่าซองยอลจะทำอะไรถึงได้พูดเช่นนั้นในห้องรับแขก


เจ้าตัวโมโหเพราะข่าว แต่กลับไม่ต้องการให้ปิดข่าวให้


ซองยอลคิดจะทำอะไรกันแน่ นี่คือสิ่งเดียวที่มยองซูกำลังคิด


“นายไปแต่งหน้าทำผมเถอะ เดี๋ยวฉันอาจจะตามเข้าไป เอาโทรศัพท์มาฝากไว้ที่ฉันก็ได้ เดี๋ยวชาร์ตแบตให้” มยจบบทสนทนาเพียงเท่านี้ก่อนที่มยองซูจะยื่นโทรศัพท์ของตนเองให้ซองยอลแยกไปจัดการตนเองในขณะที่ซองยอลก็นั่งรออยู่ในสตูดิโอ มือเรียวหยิบโทรศัพท์เครื่องเดิมกับที่เควี้ยงใส่เตียงไปเมื่อเช้าขึ้นมาก่อนที่จะทำเป็นเล่นเกมอย่างเพลิดเพลินรอมยองซู ทั้งที่ในความเป็นจริงประสาตรับรู้ของซองยอลนั้นทำงานเพียงแค่ส่วนหูเท่านั้น


ซองยอลค่อยๆเขยิบตัวไปเพื่อให้ตรงกับ ห้องแต่งตัว อีกห้องที่เป็นของนางแบบสาวที่ต้องถ่ายกับมยองซูเพื่อฟังสิ่งที่คนข้างในคุยกัน


“ซูบินว่ามยองซูกับซองยอลนี้เป็นคู่รักเพราะกระแสรึปล่าว แบบว่ารักกันเพื่อผลประโยขน์”
“จริงหรือปลอมไม่รู้นะพี่ แต่ผู้ชายมันจะไปสู้ลีลาสาวได้ยังไง วันนี้หนูจะแกล้งถ่ายหลายๆซีนเลย อยากหอมมานานละแก้มพี่มยองซูเนี่่ย”


“หอมดีๆนะคะน้องซูบิน ไม่แน่อาจจะได้อะไรมากกว่านั้น ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”


“ได้เลยค่ะ จะเอาให้พี่มยองซูติดใจเลย ว่าแต่วันนี้จะพามาทำไมก็ไม่รู้นะคะ จะเอามาปฏิเสธกระแสรึปล่าวคะพี่”


“เป็นไปได้นะคะคุณน้อง ปากปฏิเสธได้  แต่ใจอาจจะกำลังมีความสุขที่จะเป็นอิสระก็ได้นะคะคุณน้อง ฮ่าาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”

ซองยอลพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองไว้เพื่อที่จะไม่พลั้งมือไม่จัดการกับสไตล์ลิสและยัยซูบินที่พูดจากไม่ดี แต่ก็ต้องอดทนไว้เพื่อให้แผนสำเร็จ


เหตุผลที่ซองยอลตามมยองซูมาในวันนี้หนะหรอ ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ว่าเป็นเพราะข่าวที่เกิดขึ้น


ถ้าหากลองคิดในมุมกลับกันที่ว่าถ้ามยองซูสั่งให้พ่อของเขาลบข่าวที่เกี่ยวข้องออกจนหมด คนก็จะยิ่งมั่นใจไปใหญ่ว่าสิ่งที่ปล่อยออกมานั้นมันจริง ไม่เช่นนั้นคนดังจะตื่นตัวกันทำไม? ลองมาคิดดีๆแล้ว ยิ่งทำแบบนี้มยองซูก็จะยิ่งดูแย่ หากเราทำเป็นไม่สนใจไปเสียอย่าง ข่าวนั้นก็จะดูไร้คุณค่าทันที ก็เหมือนหมาเห่า ถ้าเราไม่เห่าตอบมันก็จะเงียบไปเอง


แต่พอดีว่าซองยอลไม่ได้ต้องการแค่ให้หมาหยุดเห่าหนะสิ เป็นไปได้ก็อยากจะเอากระดูกชิ้นโตๆ ยัด เอาให้ หมา ส่งเสียงเห่าไม่ได้อีกเลยมากกว่า


สร้างกันนักข่าว ปลอม ถ้าอย่างั้นวันนี้มาเจอ ของจริง หน่อยจะเป็นไรไป






“นูน่าครับ ผมขอเสื้อที่ต้องเปลี่ยนหน่อยครับ ผมลืมหยิบเข้ามา”


ทางด้านมยองซูที่แต่งหน้าทำผมเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถึงคิวที่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง แต่อาจจะด้วยความที่มัวแต่มองซองยอลที่เอาแต่นั่งเล่นเกมอยู่ตรงโซฟาจึงทำให้เขาลืมหยิบเสียสูทสีดำมา ชุดในวันนี้เขาใส่เพียงสูทสีดำ โดยที่ไม่ใส่เสื้อเชิร์ตข้างในเพื่อโชว์เรือนร่างที่มีมัดกลายประดับอยู่อย่างพอเหมาะพร้อมทั้งผิวเนียนละเอียดเพื่อเป็นการเพิ่มความเร่าร้อนให้กับ ad ที่จะถ่าย


เมื่อได้ยินเสียงคนเดินมามยองซูจึงเดินไปเปิดประตูทันที แต่ก็ต้องตกใจที่คนที่ถือสูทมาให้นั้นกลับเป็นซองยอล ไม่รอช้า คนตัวบางรีบแทรกตัวเข้ามาในห้องแต่งตัวแคบๆของสตูดิโอก่อนที่จะจัดการลอคห้องทันที


“มา เดี๋ยวฉันช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้า” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของซองยอลอีกครั้งสร้างความประหลาดใจให้กับมยองซูว่าอีกคนต้องการจะทำอะไร


และสุดท้ายก็ได้คำตอบเมื่อมือเรียวค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตที่มยองซูใส่มาช้าๆ ทีละเม็ด….ทีละเม็ด…. จนสุดท้ายแผงอกกว้างเปลือยเปล่าของมยองซูก็ถูกเปิดเผย ไม่หยุดเพียงเท่านั้น ซองยอลค่อยๆช่วยถอดเสื้อออกพร้อมทั้งลูบไล้ฝ่ามือไปตามเรื่องร่างแกร่งของอีกฝ่าย…..อย่างจงใจ


“ยอลจะทำอะไร….” มยองซูพยายามข่มอารมณ์ของตนเองที่เริ่มปะทุขึ้นเพราะการกระทำที่ผิดแปลกไปจากปกติของซองยอล เขาพยายามไม่มองสีหน้าของอีกคนที่ตอนนี้ช่างดูลึกลับและมีเสน่ห์ที่แสนเซ็กซี่แตกต่างจากตอนที่เป็นยอลลี่ของมยองซูโดยสิ้นเชิง ก่อนที่อีซองยอลจะโยนเสื้อเชิร์ตของเขาทิ้งไปอย่างไม่ไยดีและหันมาสบตาคมและพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไป


“ก็แค่จะทำให้ ชาวบ้าน ได้รู้ว่า ตัวจริง ยังไงก็คือตัวจริง


ริมฝีปากบางทาบทัยลงไปยังริมฝีปากหนาของมยองซูทันทีที่จบประโยค เมื่อได้รับสัมผัสอันแสนพิเศษจากคนรัก มยองซูก็รีบคว้าเอวของซองยอลไว้ก่อนที่จะดึงกายของอีฝ่ายให้เข้ามาแนบชิแผ่นอกเปลือยเปล่าของตน ในขณะที่ค่อยๆพลิกมาเป็นผู้คุมเกมรักในวันนี้ ลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดแลกเปลี่ยนความหวานซึ่งกันและกันอย่างกระหายอยาก


“อื้อ..มยองซู..”


ซองยอลครางเสียงกระเส่าทันทีที่มยองซูผละริมฝีปากออกไปก่อนที่จะซุกไซร้ลำคอระหงษ์อย่างหฤหรรษ ริมฝีปากหนาสร้างรอยสีกุหลาบเอาไว้เพื่อตีตราให้ทุกคนได้ทราบว่าตัวจริงของเขานั้นคือใครกันแน่


“อ้า..ม...มยองซู...อย่ากัด”


เสียงครางหวานหูของซองยอลปลุกอารมณ์มยองซูให้ลุกโชนขึ้นมาได้อย่างดีราวกับเชื้อไฟ มือหนาค่อยๆไล่ปลดกระดุมเสื้อของซองยอลช้าๆ โดยที่ปากนั้นก็ดูดกลืนความหอมหวานของปากนุ่มนิ่มของซองยอลไปด้วย เมื่อหนาลากผ่านยอดอกสีชมพูที่กำลังชูชันตามสัมผัสของมยองซูที่กำลังปลุกอารมณ์ของซองยอลให้ร้อนระอุเช่นเดียวกัน


“มยอง..พอก่อน” ซองยอลรีบห้ามอีกคนทันทีเมื่อรู้ว่ามันจะต้องเลยเถิดแน่ๆหากพวกเขายังปล่อยให้อารมณ์พาไป มือเรียวผลักอีกคนออกจากตัวเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบสูทที่มยองซูต้องใส่ถ่ายแบบสวมให้มยองซูทันที ในเวลาเดียวกันมยองซูก็กำลังช่วยซองยอลติดกระดุมเสื้อเชิร์ตอย่างจำใจ หากพวกเขาปล่อยให้อารมณ์พาเขาทั้งสองไปยังดินแดนแห่งความสุข เขาอาจจะเสียการเสียงานกันได้ แต่ซองยอลก็ทำให้เขายิ้มได้อีกครั้ง ถึงแม้เมื่อกี้จะขัดอารมณ์เขาก็เถอะ


“ไว้ต่อที่คอนโดนะ”


ในเมื่อร่างกายของทั้งคู่ยังไม่ถูกเติมเต็มจนสมบูรณ์ … ก็กลับไปต่อที่ห้องนอนน่าจะสะดวกกว่าในห้องแต่งตัว….


“ไหนดูซิ นายแบบสุดหล่อของฉันเป็นยังไงบ้าง” ซองยอลหยิบทิชชู่ที่พกมาจัดการซับเหงื่อให้กับนายแบบสุดที่รักที่อาจจะออกเพราะกิจกรรมแสดงความรักเมื่อครู่นี้ก่อนจะจัดการจับเสื้อสูทให้เข้าที่พร้อมทั้งเช็คหน้าและผมให้อย่างครบถ้วน


“อืม…. ไปข้างนอกกันเถอะ คนคงจะ รอ นายถ่ายแบบอยู่”


ซองยอลจับมือมยองซูไว้แน่นก่อนที่จะเปิดประตูออกมาจากห้องแต่งตัว แต่ก็ต้องพบกับบุคคลสองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าห้องแต่งตัวพอดี สีหน้าของคนทั้งสองคนนั้นดูตกใจทีเห็นซองยอลเปิดประตูออกมาในตอนนี้ ในขณะที่ซองยอลนั้นกลับยิ้มให้ทั้งสองคนทันที


“อ้าว ซูบิน พี่จีวอน มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หรอครับ แล้วมาทำอะไรหน้าห้องแต่งตัวผู้ชายหรอครับ”


“ก..ก...ก็ ก็” เหมือนคนที่ติดอ่าง ทั้งซูบินและจีวอนต่างไม่รู้จะตอบคำถามออกไปยังไง เพราะถ้าถามว่าเมื่อกี้เขาทั้งสองได้ยินอะไรบ้าง……. ก็ตามที่ควรจะได้ยินในระยะใกล้นั้นแหละ…. เสียงดังแบบนั้นใครจะไม่ได้ และใครจะไม่รู้… ว่าเขาทั้งสองทำอะไรกัน


“อ๋อ มยองซู ลืมหนะ อ่ะนี้ โทรศัพท์นาย” ซองยอลหยิบ iphone สีดำคืนให้มยองซูก่อนจะหันมาทางสองสาวที่ยังคงอ้ำๆอึ้งๆอยู่


“ไปกันเถอะมยองซู แต่เอ๊ะ นายยังไม่มีรอยจูบบนแก้มเลยหนิ!”


ตามที่ผู้กำกับได้บรีฟไว้ มยองซูจะต้องมีรอยลิปอยู่ที่ข้างแก้ม นั้นแปลว่าจะต้องมีใครสักคนจุมพิตลงไปบนแก้มนุ่มๆนั้น และแน่นอนว่ามันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากซองยอลคนนี้ มือเรียวล่วงหาลิปสติกสีแดงสดที่เตรียมไว้ด่อนที่จะทาลงบนริมฝีปากจนแดงสด มือเรียวจับแก้มทั้งสองข้างของมยองซูเอาไว้ก่อนจะค่อยๆโน้มลงมาพร้อมทั้งประทับรอยจูบลงไปที่แก้มของมยองซูต่อหน้าต่อตานางเอกอย่างซูบิน


จำเอาไว้ อย่าทำให้คนอย่างซองยอลโมโห


คิมมยองซูเป็นของซองยอล จำไว้!


“ตรงอกมันว่างๆ ฉันว่ามันน่าจะมีอะไรสักหน่อย” ไม่รอช้าซองยอลประทับรอยจูบลงไปบริเวณหน้าอกข้างซ้ายของมยองซูทันทีท่ามกลางความตกใจของสองสาว การกระทำที่ไม่แคร์ใครของซองยอลเล่นเอาสองสาวที่ต่างมาดหมายไว้ว่าจะได้มีโอกาสสัมผัสแก้มเนียนของนายแบบสุดฮอตก็ต้องพังทลายไปทันที


คงต้องยอมรับแล้วแหละ ว่าตัวจริง...ก็คืออีซองยอล


“นี้ ยืนบื้ออยู่ทำไม รีบๆไปถ่ายแบบกันดีกว่า จะได้รีบกลับบ้าน ฉันกับมยองซูมีอะไรต้อง ทำ อีกยาว ฉันอยากกลับบ้านแล้ว” ซองยอลตั้งใจจะเน้นคำบางคำพื่อที่จะ ตอกย้ำ ให้สองสาวขี้เม้ารู้สักทีว่าของจริงคือใครก่อนที่จะเดินพามยองซูไปส่งที่หน้าเซ็ตทันที ไม่ลืมที่จะส่งกำลังใจให้มยองซูอีกครั้งโดยการหอมแก้มซ้ำรอยเดิม ก่อนที่สุดแสบจะหยุดการกระทำทุกอย่างและกลับไปนั่งรอมยองซูถ่ายแบบ


ยังไงก็หวังว่าสองสาวขี้เม้าจะช่วยไปเม้าๆๆๆๆๆๆๆ ต่อจนเป็นข่าวขึ้นมาอีกนะ ในเมื่อชอบพูดดีนักว่าใครคือตัวจริง ก็เอาให้เห็นกันไปเลยว่าใครคือ ตัวจริง


คิดจะเล่นกับคนอย่างอีซองยอล…..คิดผิดแล้ว


อะไรก็ตามที่เป็นของอีซองยอล….ถ้าอยากได้นัก ก็ข้ามศพของเขาไปก่อนเถอะ!





หลังจากได้โทรศัพท์คืนมา มยองซูก็รีบเปิดเช็คทันทีว่าซองยอลได้ทำอะไรกับโทรศัพท์ของเขารึปล่าวในช่วงเวลาที่เอาโทรศัพท์ของเขาไปชาร์จแบต


“แสบจริงๆ ยอลของฉัน”


และก็เป็นไปตามคาดเมื่อเปิดเช็คแอพพลิเคชั่นแชทดูก็พบกับบทสนทนาบางอย่างที่ซองยอลสร้างมันขึ้นมา


มยองซู : ซูบินอา ช่วยหยิบสูทมาให้อปป้าที อปป้าลืมมันไว้ข้างนอก เปลี่ยนเสื้อไม่ได้เลยอา ซูบิน


ซูบิน : อปป้าอยู่ในห้องแต่งตัวใช่ไหมคะ


มยองซู : ใช่เลย รีบมานะซูบิน


ซองยอลส่งข้อความไปหลอกให้ซุบินเดินมาที่ห้องแต่งตัวเพื่อที่จะให้มาได้ยินเสียงของเขากับซองยอลที่กำลังมีความสุขสินะ


ร้ายจริงๆนะ อีซองยอล


“ไว้ฉันจะต่อที่บ้านจนนายออกไปไหนไม่ได้เลย”


ถึงนายจะร้ายแค่ไหน ฉันก็นรักนายนะ อีซองยอล



talk :)
บอกจะลงตี 2 เลยมา 10 กว่านาที 55555 แอมโซซอรี่นะคะ จะบอกว่าตอนนี้มันสั้นจังรุย เพราะมันเกิดจากความคิดชั่ววูบที่มีการีเควสสีลิปมา ทำให้เกิดอะไรแบบนี้ ไม่มีฉากหวือนะคะ ไม่อยากให้มีทุกตอน เพราะน้องยอลจะพรุนเอา 5555 คือ MYLiptalk จะเป็นเรื่องราวของนายแบบซองยอลและนักแสดงมยองซูเลยนะคะ แค่จะเป็นแต่พาร์ทแต่ละช่วงอารมณ์ที่ต่างกันตามสีของลิปสติก 

อยากจะบอกว่าเราตกใจมากที่ได้รับการตอบรับมากกว่าที่คิดไว้ ไม่คิดว่าจะลิปทอล์คจะได้รับการตอบรับดีขนาดนี้ ;-; ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะคะ สามารถหวีดหวือววิ๊ดวิวหรือรีเควสสีของลิปสติกได้ที่ #MYLiptalk นะคะ กราบลากันตรงนี้เพราะง่วงแล้ว ขอบคุณที่รักกันนะคะ เลิฟฟ 






2 ความคิดเห็น:

  1. ยอลนี่แสบจริงๆเลย ชอบบๆ แบบนี้สิซองยอลลี่ตัวจริง มีความวาบหวามมากๆเลยค่ะในห้องแต่งตัวแบบนี้ และก็บอกถึงอารมณ์ความรู้สึกได้ดีแบบเห็นภาพมากๆเลย ตอนหน้าเอาแบบมยองซูหึงบ้างนะคะ หึงแบบบ้านพังไปเลย กวางน้อยแย่แน่ อิอิ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ตอนหน้ามยองได้หึงหน้ามืดแน่นอนค่ะ ของขึ้นแน่นวลล

      ลบ