วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560

[SF] Chubby puppy 🐶

[sf] Chubby puppy 🐶
Pair : Myungsoo x Sungyeol
Tag : #มยยแฟรี่เทล


เจ้าหมาน้อยสีขาวขนปุกปุยแสนน่ารักตัวนั้นที่ถ่ายรูปกับพี่มยองซูเป็นหมาน้อยของใครกันเนี่ย?!




(เป็นเรื่องสมมตินะคะ แฟนตาซีติดปีกบินมาก อิอิ)







ณ คอนโดมิเนียมสูงตระหง่านใจกลางย่านกังนัมซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าดาราและเซเลปมากมาย ภายในห้องนอนห้องใหญ่ที่อยู่ในห้องพักชั้นเกือบบนสุดของคอนโดซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งอย่าง คิมมยองซู แต่แน่นอนว่าเขานั้นไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะมยองซูนั้นอยู่กับแฟนหนุ่มดีกรีสัตว์แพทย์อย่าง อีซองยอล พร้อมกับบรรดาลูกๆ 4 ขาอีกถึง 3 ตัว ห้องพักเล็กๆของพวกเขานั้นจึงไม่เคยที่จะเงียบเหงาเลย

ชายหนุ่มสองคนกำลังจัดการเก็บข้าวของให้เรียบร้อยสำหรับการทำงานในวันพรุ่งนี้ สำหรับซองยอลนั้นพรุ่งนี้เป็นวันหยุดประจำสัปดาห์ของเขาหลังจากทำงานที่โรงพยาบาลเล็กมาตลอดสัปดาห์ ส่วนคิมมยองซูนั้น ในวันพรุ่งนี้เขามีคิวที่จะต้องถ่ายละครจึงต้องจัดเก็บพวกข้าวของนานกว่าอีกคน

“ย่าห์ คิมมยองซู นายไปเปลี่ยนแผนรองฉี่ของเด็กๆรึยัง”

อีซองยอลชายหนุ่มเจ้าของเรือนร่างเพรียวบางที่กำลังนั่งทาครีมบำรุงอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งตะโกนถามคิมมยองซูทันทีที่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้จัดการเปลี่ยนแผ่นรองให้บรรดาลูก 4 ขาของพวกเขา

ทั้งซองยอลและมยองซูต่างเป็นคนรักสัตว์ด้วยกันทั้งคู่ ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกัน ซองยอลก็มีเจ้าหมาพุดเดิ้ลขนสีน้ำตาลคาราเมลอย่างเจ้าอาก้าอยู่แล้ว ส่วนมยองซูนั้นก็มีเจ้าแมวสีดำอย่างเจ้าบยอลเช่นกัน และเมื่อตกลงที่จะมาอยู่ด้วยกัน พวกเขาจึงไปซื้อแมวน้อยสีเทาอีกตัวมาแล้วตั้งชื่อว่าเจ้ากงจู

“ไปดูแล้ว ของกงจูกับบยอลเปลี่ยนให้เรียบร้อยดีแล้ว จะมีของอาก้าที่ยังไม่ต้องเปลี่ยน”

“โอเค แล้วนายเก็บของเสร็จรึยัง นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะมยองซู”

เมื่อเห็นว่าอีกคนยังคงเก็บของไม่เสร็จสักที ซองยอลจึงลุกจากโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อที่จะไปช่วยมยองซูเก็บของ แต่เหมือนว่าอีกคนจะจัดการเก็บเรียบร้อยดีแล้วสุดท้ายก็เลยเดินมาที่เตียงพรอมๆกันก่อนจะล้มตัวลงนอนบนฟูกนุ่มๆ

“พรุ่งนี้ไปที่กองด้วยได้ไหมมยองซู ฉันอยากไปดูนายใส่ชุดเจ้าชาย”

คนตัวบางอ้อนอีกคนทันทีแถมยังทำท่าอ้อนด้วยการเข้าไปซุกอกแกร่งของแฟนหนุ่มอย่างออดอ้อน

“ในรูปนายดูดีมากเลย อยากเห็นกับตาว่าจะเท่แค่ไหน”

“พรุ่งนี้กองเปิดให้นักข่าวมาถ่ายภาพอ่ะซองยอล นายอาจจะไปไม่ได้”

ใจจริงคิมมยองซูไม่ได้อยากจะปฏิเสธความต้องการของอีซองยอล แต่เพราะพรุ่งนี้จะมีการมาถ่ายทำสกู๊ปข่าวที่กอง ทำให้เขาไม่สามารถพาซองยอลไปด้วยได้ เพราะเรื่องของเขาทั้งสองคนนั้นยังคงเป็นความลับ….

ถึงอยากจะเปิดเผย แต่ด้วยหน้าที่การงานที่บีบบังคับให้พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้อย่างใจนึกซึ่งตัวของอีซองยอลก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ซองยอลยินดีที่จะอยู่แบบนี้ดีกว่าที่จะทำให้มยองซูเดือดร้อน

“ขอโทษจริงๆนะ”

“อืม ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ” ซองยอลตอบด้วยความเข้าใจ

“แต่อย่าให้รู้นะ! ว่าแอบไปหลีสาว!!”

“มีซองยอลแล้วทั้งคน

ก็ไม่ต้องไปมองใครแล้วแหละ” คิมมยองซูขำกับน้ำเสียงขึงขังของซองยอล เขาชอบนะเวลาที่คนตัวเล็กแสดงอาการหึงหวงเขาแบบนี้ ริมฝีปากนุ้มประทับรอยจูบลงบนหน้าผากกลมมนของคนที่ซุกอยู่ในอ้อมกอดก่อนจะรั้งให้เข้ามาชิดใกล้

ซองยอลทั้งน่ารัก ทั้งขี้อ้อนแบบนี้ มยองซูไม่ต้องไปหาใครที่ไหนแล้วแหละ

“นอนได้แล้วซองยอลดึกแล้ว” ราวกับกำลังกล่อมเด็กน้อยให้นอนหลับ มยองซูลูบหัวอีกคนเบาๆ ก่อนที่จะรอจนกว่าคนให้อ้อมแขนจะหลับ เขาถึงจะหลัยตาลงและเดินทางไปสู่ดินแดนแห่งความฝัน













กริ้งงง!!!!

เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นบอกเวลาว่าถึงเวลาที่ต้องตื่นแล้วนั้นกำลังร้องเรียกให้นีกแสดงหนุ่มอย่างคิมมยองซูตื่นเพื่อที่จะไปทำงาน แต่เมื่อลืมตาขึ้นเขทกลับพบว่าคนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาทั้งคืนดูเหมือนจะตื่นก่อนแล้ว

ก็คงทำอาหารอยู่ในครัวอย่างทุกวันแหละ

ร่างหนาค่อยๆลุกขึ้นก่อนจะจัดการชำระล้างร่างกายให้เรียบร้อยและแต่งตัวเตรียมจะไปถ่ายละครในวันนี้ มือหนาคว้ากระเป๋าสีดำใบโปรดก่อนที่จะออกจากห้องนอนเพื่อไปทานอาหารเช้า

“ซองยอล”

มยองซูตะโกนเรียกคนรักของตัวเองทันที แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าตัว จะมีก็แต่เสียงขเหล่าลูกๆที่กำละงวิ่งเข้ามาหามยองซูพร้อมกันถึง 3 ตัว

“ไง อาก้า กงจู บยอล เห็นคุณแม่บ้างไหมคะ”

มยองซูลูบหัวสัตว์เลี้ยงแสนรักทั้งสามด้วยความเอ็นดูพร้อมทั้งสอดส่ายสายตาหาซองยอลไปด้วย

ไปไหนของเขานะ? ซองยองต้องตื่นแล้วสิ ไม่อย่างนั้นใครจะเป็นคนเปิดห้องให้เด็กๆได้ออกมาวิ่งเล่นที่ห้องรับแขกกัน?

ทันใดนั้นเด็กๆทั้งสามก็วิ่งไปยันห้องที่ทั้งมยองซูและซองยอลให้บรรดาลูกๆของพวกเขาอยู่ก่อน มยองซูจึงรีบวิ่งตามไปทันที

แต่เขาก็ไม่เห็นวี่แววของร่างบางเลยสักนิด มีเพื่อนบรรดาของเล่นของเด็กๆ ที่กระจายอยู่เต็มห้องรวมถึงรถเข็นสุนัขที่เขามักใช้เวลาพาไปเดินเล่น

แต่เดี๋ยวก่อน! ปกติรถเข็นคันนี้มันจะต้องถูกพับเก็บไว้ไม่ใช่หรอ?

แล้วทำไมตอนนี้มันถึงถูกกางออกแล้ววางอยู่กลางห้องหละ

ด้วยความสงสัย คิมมยองซูจึงเดินไปดูที่รถเข็นคันนั้นทันที และก็ต้องตกใจอย่างสุดขีดเมื่อ…

“ย่าห์!!!!!!!!!!! อีซองยอลลลล”

“โฮ่งงงง”

มยองซูมองตากลมใสของลูกหมาสีขาวตัวเล็กที่มีขนปุกปุยด้วยความเอือมนิดๆ ก็เพราะเขารู้ไง ว่าเจ้าหมาตัวนี้ไม่ใช่หมาหรอก แต่เป็น อีซองยอล ต่างหาก!!

ฟังไม่ผิดหรอกครับ หมาน้อยตาแป๋วที่นั่งมองเขาอยู่ตรงหน้านี้ก็คืออีซองยอล อย่างที่รู้ว่าอีซองยอลนั้นเป็นสัตวแพทย์ ด้วยความชื่นชอบอีซองยอลจึงได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับยาที่จะทำให้คนเป็นสัตว์และสัตว์เป็นคน ซึ่งโครงการวิจัยนี้ซองยอลก็ได้รับการสนับสนุนจทกภาครัฐด้วยเพราะหากยานี้สำเร็จ ทางภาครัฐอาจจะเอาไปใช้ในการลงโทษผู้ที่กระทำผิดแทนการประหารชีวิต

และดูเหมือนมันก็สำเร็จเสียแล้วด้วยหลังจากพยายามมาหลายปี

และแน่นอนว่านี่คือบ้านของผู้คิดค้น ทำไมถึงจะไม่มียานี้เก็บไว้หละ?

ปากเล็กๆของเจ้าหมาสีขาวคาบกระดาษบางอย่างไว้ นั้นทำให้คิมมยองซูต้องหยิบมันออกมาดูข้อความที่ดูเหมือนอีซองยอลจะเขียนไว้ก่อนแปลงร่าง

“ในเมื่อไปเป็นคนไม่ได้ก็ไปเป็นหมาเนี่ยแหละ อยู่บ้านเฉยๆแล้วซองยอลเบื่อ ถ้ามยองซูไม่พาซองยอลไปกองด้วย ซองยอลจะกัดของมยองซูทุกชิ้นที่อยู่ในห้องเลย คอยดูเหอะ!”


“ดื้อจริงๆ อีซองยอล”

“โฮ่งงง!!!!”

ถึงจะไม่สามารถพูดได้เหมือนคนแล้วในตอนนี้ แต่มยองซูก็สามารถจับน้ำเสียงที่ดูไม่พอใจของซองยอลได้ ถึงจะแค่เห่าก็เหอะ คิมมยองซูได้แต่ส่ายหน้ากับความเอาแต่ใจของแฟนหนุ่ม

แต่สุดท้ายยังไงๆเขาก็ตามใจอีซองยอลอยู่ดี

“ก็ได้ ก็ได้ แต่วันนี้นายจะต้องเป็นเด็กดีนะซองยอล”

“โฮ่งง!!”

เจ้าหมาน้อยตอบรับทันทีที่มยองซูตกลงจะพาเขาไปที่กองด้วย หางปุกปุยขยับไปมาอย่างอารมณ์ดี  ลิ้นเล็กของมันนั้นเลียมือเจ้านายสุดที่รักอย่างออดอ้อน

วันนี้ซองยอลจะเป็นเด็กดีของมยองซู!










เพราะเป็นฉากที่ถ่ายในตัววังทำให้วันนี้สถานที่ถ่ายทำของคิมมยองซูไม่ใช่ชนบทเหมือนครั้งก่อนๆ รถยนต์สปอร์ตสีดำถูกขับไปจอดอยู่ที่ลานจอดรถของทางสถานีก่อนที่คิมมยองซูจะลงจากรถเพื่อไปทำงาน

แต่เพราะวันนี้เขาไม่ได้มาคนเดียวไงหละ

“ซองยองห้ามดื้อนะ เข้าใจใช่ไหม”

“โฮ่งงง!!”

“ดีมาก”

มือหนาลูบขนนุ่มฟูของอีซองยอลเป็นรางวัลที่เด็กน้อยของเขานั้นเชื่อฟังแต่โดยดี คิมมยองซูจัดการอุ้มร่างจิ๋วของอีซองยอลขึ้นมาจากเบาะข้างคนขับก่อนที่จะจัดการวางอีกคนลงบนรถเข็นสีดำ

เป็นอย่างที่คาด การปรากฏตัวของหมาน้อยแสนน่ารักนั้นเรียกความสนใจให้กับคนในกองได้เป็นอย่างดี เพราะทันทีที่มยองซูเดินเข้ามาในสตูดิโอ ทุกคนก็ต่างเข้ามารุมล้อมหมาน้อยของเขาทันที

“ว้าววมยองซู หมานายน่ารักมากๆเลย”

โดยเฉพาะเหล่าบรรดาสไตลิสหญิงสาวทั้งหลายที่ดูจะชื่นชอบกันเป็นพิเศษ ซึ่งอีซองยอลก็รับแขกอย่างดี ใครขอมือก็ให้ ขอให้ทำอะไรก็ทำ จนได้ขนมเป็นรางวัลเยอะแยะไปหมด

เนียนเลยนะอีซองยอล เนียนกินของฟรีเฉยเลยนะ แถมได้อยู่กับสาวๆอีก

“ชื่ออะไรหรอมยองซู” โซฮยอนนางเอกของเรื่องรีบสิ่งมาทันทีที่หันมาเห็นเจ้าหมาน้อยตัวเล็กที่มยองซูพามา

“ชื่อ โซจุน หนะ”

จะบอกให้บอกว่าชื่อซองยอลมันก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่มยองซูก็เลยตั้งชื่อหมาน้อยของเขาว่าโซจุน

“น่ารักจัง ไว้ถ่ายเสร็จเดี๋ยวขอเล่นหน่อยได้ไหมมยองซู” นางเอกสาวตัวจิ๋วอ้อนผู้เป็นพี่ทันที ซึ่งมยองซูก็ตอบตกลง

สงสัยวันนี้ซองยอลต้องรับแขกไปทั้งวันเลยแหละ







ถึงแม้จะโดนรุมมากแค่ไหนอีซองยอลก็ไม่หงุดหงิดเลยสักนิด เขานั้นเป็นคนชอบสังคมอยู่แล้ว การได้พบปะผู้คนถือว่าเป็นสิ่งที่อีซองยอลชื่นชอบ แค่วันนี้เขาอาจจะปลั้ยนจาก 2 แขน 2 ขาเป็น 2 ขาหน้าและ 2 ขาหลังก็แค่นั้น

เจ้าตัวเล็กหันไปมองเจ้าของที่กำลังมองมาที่ตัวของซองยอลด้วยรอยยิ้ม

ก็อยากยิ้มตอบอ่ะนะ แต่หมาน้อยจะยิ้มได้ยังไงหละ

เห็นบรรยากาศที่กองถ่ายแล้วซองยอลก็อุ่นใจ ที่พูดว่าจะตามมาดูว่ามยองซูซุกกิ๊กรึปล่าวนั้น เขาก็แค่พูดเล่นๆไปงั้นแหละ อีซองยอลรู้อยู่แล้วว่ายังไงมยองซูก็ไม่นอกใจเขาอยู่แล้ว ที่อยากตามมาดูก็แค่เหงาเท่านั้น

ปกติด้วยตารางงานของซองยอลที่ต้องอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์ทุกวันส่วนมยองซูนั้นด้วยอาชีพ ทำให้เวลาที่อยู่ด้วยกันก็จะมีแค่ตอนเช้าและก่อนนอนเท่านั้น

ตามประสาคนทั่วไปแหละที่จะอยากใช้เวลาอยู่กับคนรักให้มากที่สุด ซองยอลเลยจัดการใช้ไม้ตายทานยาที่ตัวเองคิดค้นเองเข้าไปจนกลายร่างมาเป็นโซจุนนี่หมาตัวน้อยนี่แหละ

“เดี๋ยวไปทำงานก่อนนะ อยู่ในกองก็เชื่อฟังพี่ๆทีมงานเขานะ”

“โฮ่ง!!!!”

ซองยอลขานรับคำสั่งของมยองซูทันทีก่อนที่จะนั่งนิ่งๆอยู่ในรถเข็นของตัวเอง

ดูเหมือนเหล่าสต๊าฟจะรู้ใจเจ้าหมาน้อยว่าอยากจะเห็นเจ้าของชัดๆ พี่สาวใจดีคนนึงจึงจัดการเข็นซองยอลไปไกลๆเซ็ตที่ใช้ถ่ายทำ และเมื่อมองไปข้างในฉาก เขาก็เห็นคิมมยองซูอยู่ในชุดสีแดงสลับลายปักสีทองสง่าพร้อมทั้งใส่หมวกสีดำอย่างคนสมัยโบราณ

พอเข้าไปในฉาก มยองซูก็สามารถแสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ บทองค์ชายตัวปลอมที่ตอนแรกดูเหมือนจะไม่เข้ากลับลงตัวอย่างเหลือเชื่อ ซองยอลนั่งมองมยองซูแสดงอย่างเพลิดเพลินฉากแล้ว ฉากเล่าเขาก็ไม่เบื่อ แถมเหล่าสต๊าฟยังคอยมาเอาใจซองยอลสารพัด ทั้งน้ำ ทั้งพัดลมตั๋วจิ๋ว ทั้งขนม ขอบอกเลยว่าสบายสุดๆ

“คัท!!! พักก่อนครับ อีกสองชั่วโมงมาเจอกันใหม่นะครับ”

หลังจากถ่ายทำกันมหลายชั่วโมงก็ถึงเวลาพักของทั้งเหล่าทีมงานและนักแสดง แน่นอนว่าคิมมยองซูที่เฝ้ามองเจ้าหมาตัวน้อยมาตั้งแต่ในฉากแล้วก็รีบเดินมาหามันทันที

ตาแป๋วๆของเจ้าหมาสีขาวนั้นไม่ได้แตกต่างจากแววตาของเด็กดื้อเลยสักนิด เขาสังเกตุตลอดการถ่ายทำว่าซองยอลนั้นนั่งมองเขาอย่างตั้งใจตลอดเวลา

ถ้าไม่ติดว่าเป็นร่างหมาอยู่นะ คิมมยองซูจะจับมาฟัดแรงๆให้หายหมั่นเขี้ยวเลย!!!

“เป็นไงบ้าง เบื่อไหม”

“โฮ่ง!!!” หมาน้อยตอบรับพร้อมทั้งกระดิกหางไปมาอย่างอารมณ์ดี

“งั้นไปเที่ยวรอบกองกันนะ” มยองซูจัดการอุ้มเจ้าหมาน้อยก่อนจะพาซองยอลไปเดินเล่นรอบๆกองถ่าย

พอได้อยู่ในออมกอดของมยองซู ซองยอลก็เอาหัวไซส์มินิของตนเองไปซบอีกคนอย่างออดอ้อนเหมือนที่ชอบทำทันที

ก็ไม่ได้กำหนดซะหน่อยหนิ ว่าหมาห้ามอ้อน :p

“พี่มยองซู!! ขอโซฮยอนอุ้มโซจุนนี่หน่อยได้ไหมคะ”

เมื่อนางเอกสาวเห็นว่ามยองซูอุ้มหมาน้อยมา เธอก็รีบเขามาขอเล่นด้วยทันที จนตอนนี้ซองยอลไปอยู่ในอ้อมกอดของโซฮยอนเรียบร้อย

“น้องน่ารักจัง ไม่ดื้อไม่ซน ไม่เห่าด้วย”

พอได้ยินคำชมจากคนสวย เจ้ามนุษย์หมาก็เรียกคะแนนทันทีด้วยการซุกหาตัวของนางเอกสาว เล่นเอาคนมองอย่างคิมมยองซูหลุดขำออกมาเพราะกริยาของคน(ตัว)บ้ายอแถวนี้

พออยู่กับผู้หญฺงน่ารักๆ ก็อ้อนเลยนะซองยอล

ในเมื่อนางเอกมาแล้ว ทำไมพระเอกจะไม่มาเล่นด้วยหละ?

ยูซึงโฮพระเอกของเรื่องก็รีบเดินเข้ามาหาเจ้าหมาน้อยขนปุยทันที ก่อนจะยืนเล่นกับเจ้ามนุษย์หมาอย่างเพลิดเพลิน

“แหมมม พอเจอพระเอกเข้าหน่อยอารมณ์ดีเลยนะโซจุน”

เจ้าของตัวจริงพอเห็นซึงโอมา เขาก็มองออกเลยว่าซองยอลดูจะดี๊ด๊ากว่าปกติ ลงมาวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน เจอคนหล่อหน่อยไม่ได้เลยนะ!! และดูเหมือนเจ้าหมาน้อยจะได้ยินมันชัดเจนด้วย เพราะหลังจากพูดปุ๊บ เสียงเห่าอย่างแค้นเคืองก็ตามมาทันที

“โฮ่งงงง”

“นั้นไง ไปว่าโซจุน โซจุนโกรธเลย 555555555555555”

ทั้งโซฮยอนและซึงโฮต่างหัวเราะกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า โซจุนนั้นเป็นหมาที่ฉลาดมาก แถมยังควบคุมง่ายอีกด้วย ไม่วิ่งเล่นไปรบกวนทีมงานเลยสักนิดจึงทำให้วันนี้ตัวเอกในกองกลางเป็นเจ้าหมาสีขาวซะงั้น

“มยองซู หมานายหรอ น่ารักจัง” ยุนโซฮีที่เพิ่งเดินเข้ามาก็เดินมาหาเจ้าหมาน้อยที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆมยองซูทันที


เอ๊ะ!!!

นั้นมันคนที่เล่นละครกับมยองซูเรื่องที่แล้วหนิ!!!

เรื่องที่จูบกันทุกตอนเลยอ่ะ!!!

“ไหนน พี่โซฮีขออุ้มโซจุนหน่อยน้า”

“โฮ่งง!!!”

เจ้าหมาน้อยเห่าใส่หญิงสาวทันทีที่เธอจะเข้ามาอุ้มซองยอล ก็ไม่ค่อยชอบอ่ะ!! ใครจะชอบคนที่มาจูบกับแฟนตัวเองกัน ก็ไม่ได้เกลียดนะ แต่ก็แค่ไม่ค่อยชอบหนะ

กลายเป็นเจ้าหมาน้อยดิ้นไปดิ้นมาอย่างแรง แต่หญิงสาวก็ไม่ได้เอะใจอะไร ก่อนที่จะพยายามอุ้มหมาน้อยได้สำเร็จ

“น่ารักจังมยองซู ซนน่าดูเลยนะ ดิ้นไม่หยุดเลย”

ซองยอลพยายามที่จะหันหน้าหนีโซฮีที่ทำท่าเหมือนจะหอมเขา

ไม่เอาเว้ยยย อย่ามาหอมมมมม ไม่เอาา

“โฮ่ง!!!!”

ความไม่พอใจที่อยู่ในจิตใต้สำนึกทำให้เจ้าหมาน้อยเผลอเห่าใส่หน้าหญิงสาวแบบเต็มๆ มยองซูเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้วจึงรีบเขาโซจุนคืนทันที

“สงสัยจะอารมณ์ไม่ดีแล้ว งั้นขอเอาโซจุนไปพักก่อนนะ”

ชายหนุ่มอุ้มเจ้าหมาน้อยออกมาทันทีก่อนที่จะจัดการดุเด็กดื้อ

“ไปไม่พอใจใส่โซฮีเขาได้ยังไงซองยอล ไม่น่ารักเลยนะ”

คิมมยองซูมองตาใสของอีกเจ้ามนุษย์หมาและนั้นทำให้เขาพบกับแววตางอนๆของอีกฝ่าย

เห้ออ เป็นคนก็ขี้งอน เป็นหมาก็ขี้งอน อีซองยอลก็คืออีซองยอลจริงๆ

“รู้หน่าว่าไม่ชอบเขาเพราะละครเรื่องก่อน แต่มันไม่มีอะไรจริงๆ ถึงฉันจะจูบกับโซฮีทุกตอน”







“แต่สู้นายไม่ได้เลยสักนิด”

ถึงหัวใจของหมามันจะเล็กกว่าของคน แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะเต้นเบาไปกว่ากันเลยสักนิด พอได้ยินคำอ้อนของมยองซูใจของซองยอลก็อ่อนยวบลงไปทันที เจ้าหมาแสนงอนกลับมาอารมณ์ดีได้ก็เพราะคนที่คุณก็รู้ว่าใครนั้นแหละ!!


นี้ถ้าไม่มีขนหนาขนาดนี้นะ มยองซูจะต้องได้เห็นซองยอลหน้าแดงแน่ๆ!!


“ไหน มาให้หอมหน่อยซิ อยากจะรู้ว่าถึงจะเป็นหมายังจะน่ารักเหมือนเดิมไหม”

จมูกคมจัดการฝังลงไปบนขนนุ่มนิ่มของเจ้ามนุษย์หมาอีซองยอลทันที ก่อนจะฟัดแก้มซ้าย แก้มขวาอย่างไม่รู้เบื่อ

“หอมเหมือนเดิมเลยนะซองยอล เดี๋ยวกลับไปคืนนี้จะฟัดทั้งคืนเลย”

“หงิงง”

อยากจะบอกว่า ไอ้บ้า เขินนะเว้ย แต่มันดันออกมาเป็นแค่เสียงครางหงิงๆแทนหนะสิ คนอะไร เอะอะก็บอกจะฟัด จะฟัดซองยอลตลอด นี้เป็นหมานะตอนนี้ยังไม่หยุดคิดถึงเรื่องพรรคนั้นอีก ให้ตายสิ อย่างน้อยก็หวังว่ามยองซูจะพอเข้าใจความหมายที่ซองยอลพยายามจะสื่อนะ ถึงมันจะออกมา ‘หงิง’ เท่านั้น

ทางด้านมยองซุที่เห็นว่าซฮงยอลเอาแต่ซุกหัวเข้ากับแขนแกร่งเหมือนกำลังเขินอายก็อดที่จะอมยิ้มกับความน่ารักของซองยอลไม่ได้

อย่างน้อยก็ขอบคุณซองยอลที่รับฟังเหตุผลของเขารวมถึงไม่งอนเขาแบบไร้มูลเหตุ นี่คงเป็นเคล็ดลับของทั้งซองยอลและมยองซูที่ทำให้ทั้งสองคบกันมายาวนาน

การถ่ายทำในช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับพลังงานของหมาน้อยที่หมดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ในขากลับบนรถเข็นสีดำจึงมีเพียงหมาน้อยสีขาวที่นอนสลบสไลไม่รู้เรื่อง มยองซูพาเด็กน้อยของเขากลับบ้านทันทีหลังจากที่เลิกกอง เพราะหากไม่รีบให้ซองยอลคืนร่างภายใน 24 ชั่วโมง ซองยอลก็จะกลับมาเป็นคนไม่ได้

เมื่อถึงบ้านคนตัวสูงก็รีบเปิดตู้เย็นอีกตู้ที่ซองยอลเอาไว้เพื่อเก็บพวกยาที่ทดลองไว้ทันทีก่อนจะหยิบขวดของเหลวใสสีชมพูออกมาแล้วเทผสมกับนมสดอุ่นๆเตรียมให้เด็กน้อยของเขากิน เมื่อผสมเสร็จก็จัดการไปปลุกเจ้าหมาน้อยทันที

“ซองยอล ตื่นมากินยาก่อนเร็ว” เจ้าหมาน้อยค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะเดินเตาะแตะมาทีอ่างนมที่มยองซูผสมไว้ให้ทันทีก่อนจะทานมันอย่างรวดเร็วแล้วก็เดินเซกลับไปที่เดิมก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกรอบแล้วก็หลับปุ๋ยไปเลย

ขี้เซาจริงๆเลยอีซองยอล

คิมมยองซูมองเจ้าหมาขี้เซาที่หลับไปอีกครั้งอย่างขำๆ ท่าทางจะใช้พลังงานไปเยอะมากจริงๆแหละ ก็เล่นกับทีมงานเป็นสิบเป็นร้อย ไหนจะวิ่งรอบกองอีก ไม่เหนื่อยก็แย่แล้ว

มือหนาค่อยๆอุ้มร่างเล็กจิ๋วขึ้นมาอย่างเบามือเพราะกลัวอีกคนนั้นตื่นขึ้นมาก่อนจะจัดการวางลงบนเตียงนอนพร้อมทั้งห่มผ้าห่มให้อีกคนอบอุ่น เวลาแปลงร่างกลับมาเป็นมนุษย์จะได้ไม่หนาว


นักแสดงหนุ่มมองคนรักของตัวเองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมาย ไม่ว่าซองยอลจะสามารถเป็นอะไรมากมาย จะเป็นคน จะเป็นหมา หรือจะเป็นมากกว่านั้น มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนนั้นก็คือ





เป็นของมยองซู




หัวใจของเขาได้ถูกมอบให้กับซองยอลไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แค่ในตอนนี้เขารักคนตรงหน้ามากว่าใครไหน ถึงจะดื้อ ถึงจะเอาแต่ใจ ถึงจะขี้วีน ถึงจะชอบเถียง แต่เพราะอีซองยอลเป็นแบบนี้ มยองซูถึงได้รักซองยอลมากขนาดนี้ไง

ริมฝีปากอิ่มโน้มลงจุมพิคที่แก้มของเจ้าหมาน้อยอย่างแผ่วเบา เขาคงไม่สามารถยืนรอจนซองยอลกลับคืนสู่ร่างเดิมได้เพราะมยองซูจะต้องไปท่องบทละคร แต่ก็ไม่ลืมที่จะมอบสัมผัสอันแสนอบอุ่นให้กับเจ้าหมาน้อยที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ด้วยความรัก

เอาเป็นว่าขอไปทำงานก่อนนะ




แต่เดี๋ยวคืนนี้จะกลับมากอดอีซองยอลให้หนำใจเลย รอแปปนึงนะที่รัก







talk
ทำไมเป็นคนที่เห็นโมเม้นมยองยอลแล้วคิดฟิคไม่ออกแต่เห็นหมากับมยองปุ๊บ เนื้อเรื่องลอยมา อาจจะเพราะตาแป๋วๆของอีซองยอลที่ทำให้เราคิดถึง 55555 เป็น SF สั้นมากกกก ที่แต่งขึ้นเพราะความอยากล้วนๆ ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ สกรีมได้ ด่าได้ที่เดิมค่ะ #มยยแฟรี่เทล รักทุกคนน



วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

[OS] 王昭君…🐦

[os] Wang Zhaojun
Pair : Myungsoo x Sungyeol
Tag : #มยยแฟรี่เทล





王昭君…🐦

(เนื้อหาเป็นเพียงการสมมติเท่านั้นไม่ได้มีการอ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆ)


            มหากาพย์ตำนานมากมายต่างถูกเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่นสืบต่อกันถึงวีรกรรมอันหาญกล้าของเหล่าบรรพบุรุษที่ได้สร้างเอาไว้เพื่อกอบกู้ รักษาและปกป้องบ้านเมืองของตนเอง ทั้งวีรบุรุษ และวีรสตรีผู้กล้าหาญและเสียสละต่างถูกยกย่องเชิดชูเกียรติอย่างยิ่งใหญ่เพื่อตอบแทนในสิ่งที่พวกท่านได้ทำลงไป
                หากมองจากผิวเผิน บุรุษนั้นอาจดูมีพละกำลังและความกล้าหาญมากกว่สตรีเพศ ทำให้รายนามของวีรบุรษนั้นถูกจารึกไว้บนหน้าประวัติศาสตร์มากกว่าเหล่านารีทั้งหลาย แต่ใช่ว่าพละกำลังและความกล้าหาญนั้นจะเป็นคุณสมบัติหลักในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เพราะในบางครั้ง แค่การเสียสละที่ดูเหมือนเล็กน้อย ก็สามารถนำมาซึ่งความสันติสุขของมวลประชาได้

                เช่นเดียวกับเธอผู้นี้ หวังเจาจวิน 1 ใน 4  สาวงามที่ไม่ได้งดงามเพียงกาย แต่งดงามไปทั้งตัวและหัวใจ


                ย้อนเวลากลับไปราวๆ 30 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในสมัยของอาณาจักรโคกูรยอ อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กับจีนในซีกโลกตะวันออก ผู้คนต่างกินอยู่กันอย่างสุขสบายภายใต้การปกครองของกษัตริย์ผู้เป็นที่รักของประชาชนอย่างพระเจ้ามยองชอลมหาราช ทุกคนต่างยกย่องสรรเสริญในความดีและความเก่งกาจของท่าน ที่สามารถปกป้องอาณาจักรไม่ให้จีนมารุกรานได้
                แน่นอนว่าหญิงสาวส่วนมากในอาณาจักร ก็คงไม่มีใครที่ไม่อยากจะได้ชื่อว่าเป็นนางสนมของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสนมเอกหรือถูกยกย่อง หากแต่แค่ได้ไปใช้ชีวิตในวังหลวงนั้นก็สุขสบายไปทั้งชาติแล้ว
                แต่ก็เป็นแค่ส่วนมากเท่านั้นที่อยากเข้าไปมีชีวิตที่สุขสบายโดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของตัวเองที่อาจจะถูกย้ำยี เพราะกมีคนส่วนน้อยเช่นกันที่ไม่ได้อยากจะไปมีชีวิตเหมือนนกน้อยในกรงทอง สุขสบาย แต่ไร้ซึ่งอิสระเสรี

                ณ เพิงเล็กๆหลังหนึ่งที่อยู่ในชนบทของโคกูรยอ มีครอบครัวเล็กๆครอบครัวหนึ่งซึ่งไม่ได้มีฐานะดีพอที่จะสร้างบ้านเรือนที่ดีไว้อาศัย เป็นเหมือนเพียงเพิงไม้เล็กๆที่พอจะซุกหัวนอนได้ก็เท่านั้น โดยยังมีพื้นที่ว่างข้างๆไว้ให้ปลูกพืชปลุกผักไว้รับประทาน และในที่แห่งนั้นเอง ปรากฏหนุ่มน้อยคนนึงกำลังนั่งเก็บผลผลิตที่ตัวเองได้ปลูกเอาไว้เพื่อที่จะนำไปประกอบอาหารเพื่อให้พ่อและน้องสาวของตนเองได้ทาน
                “ซองยอลเอ้ย มาเอาผักที่บ้านป้าเพิ่มไหม ป้าเห็นผักกาดขาวของเอ็งมันหัวลีบเหลือเกิน
                “ไม่เป็นไรครับป้ามิรา อาทิตย์นี้ป้าให้ผักผมมามากเกินกว่าที่ผมจะรับไหวแล้วฮะ ผมเกรงใจหนุ่มน้อยตอบคุณป้าข้างบ้านแสนใจดีทันที เขาไม่สามารถรับความช่วยเหลือของคุณป้าได้แล้ว เพราะแค่นี้มันก็มากเกินพอที่ซองยอลจะตอบแทนไหว
                มิรามองดูเด็กหนุ่มวัย 18 ปีด้วยความสงสารจับใจ ในยามนี้ดวงหน้านวลของเจ้าตัวมอมแมมไปด้วยขี้ดิน ดวงตากลมโตที่มักจะฉายแววสดใสกลับเต็มไปด้วยความอ่อนล้า ดวงตาบวมตุ่ยดังเช่นคนที่ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ร่างกายที่ควรจะดูแข็งแรงดั่งชายชาตรีกับผอมซูบจนน่าสงสาร เส้นผมสีน้ำตาลเข้มยุ่งเหยิงกระเซิงเพราะการทำงานอย่างหนัก
                โชคชะตานั้นช่างไม่เห็นใจคนดีๆอย่างอีซองยอลเสียเลย เพราะหลังจากที่ผู้เป็นแม่อย่างอีโซราเสียชีวิตเพราะไข้ป่า อีซองยอลก็ไม่เคยได้รับการดูแลที่ดีจากพ่อเลี้ยงและน้องสาวที่เป็นลูกติดของพ่อเลี้ยงเลยสักนิด อีซองยอลไม่มีโอกาสได้ไปเรียนหนังสือเหมือนที่เด็กผู้ชายส่วนใหญ่ทำเพราะเจ้าตัวนั้นเอาแต่ทำงานเพื่อหาเงินมาดูแลพ่อที่ติดสุราและน้องสาวที่ไม่เคยสนใจอะไรเลยนอกจากความสวยความงาม แต่ถึงอย่างนั้นอีซองยอลก็ไม่เคยจะบ่นหรือโกรธพ่อและน้องสาว เพราะอย่างน้อยบุคคลเหล่านี้ก็คือครอบครัวของเขา
                เธอได้แต่ภาวนาว่า สักวัน ฟ้าดินจะเห็นใจและประทานพรอันแสนวิเศษให้อีซองยอลได้มีชีวิตที่ดีขึ้นให้สมกับความดีของเจ้าตัว

                อาหารมาแล้วครับแกงกิมจิหอมกรุ่นถูกยกเข้ามาเสิร์ฟที่กลางเพิงเล็กๆพร้อมกับถ้วยข้าวอีกสองถ้วยที่ถูกจัดไว้ให้ผู้เป็นพ่อและน้องสาว
                ทำไมมีแค่นี้และพี่ วันนี้วันสำคัญของซูยอนนะ ซูยอนอยากจะกินอะไรที่มันดีกว่าต้มผักนี้อีซูยอนผู้เป็นน้องโวยวายทันทีที่เห็นว่าอาหารในวันนี้มีเพียงแค่ข้าว แกงกิมจิที่ไร้เนื้อสัตว์และเกลือป่นไว้เพิ่มรสชาติก็เท่านั้น
                “มีแค่นี้แหละโซยอน ดินตรงบ้านเราไม่ดี ปลูกอะไรก็ไม่งอกงาม พี่ไม่มีเงินพอที่จะไปซื้อเนื้อมาให้หนะ” 
ซองยอลอธิบายอย่างใจเย็น เขารู้ดีว่าวันนี้จะเป็นวันสำคัญของน้องสาวเขา เพราะวันนี้จะมีคนจากในเมืองมาดูตัวซูยอนเพื่อที่จะให้เธอไปเป็นสนมของพระเจ้ามยองชอล แต่เขาก็หาได้แค่นี้จริงๆ
                “พี่ขอโทษนะซูยอน พี่มีให้แค่นี้จริงๆ ซูยอนกินให้อิ่มนะ
                “กินๆไปเถอะ แกจะเรื่องมากอะไรนักหนา เอาเป็นว่าถ้าแกเข้าไปในวังแล้วแกก็ต้องทำยังไงก็ได้ให้ท่านติดใจแกจนยกย่องแกเป็นสนมเอก เข้าใจไหมคนเป็นพ่อกำชับลูกสาวทันที เพราะยิ่งลูกของตัวเองสูงเท่าไหร่ ความเป็นอยู่ของเขาก็จะสบายยิ่งๆขึ้นไปอีก
                “ได้ค่ะพ่อ สาวๆแบบซูยอน ยังไงท่านก็ต้องชอบค่ะ
                หลายๆคนในโคกูรยออาจมองว่าการเอาร่างกายไปขายเพื่อแลกเงินนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่สำหรับอีซองยอล เขากลับรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไร้ศักดิ์ศรียิ่งนัก ทำไมพ่อของเขาถึงได้เห็นแก่ตนเองจนสามารถขายลูกแท้ๆได้อย่างไม่รู้สึกผิด ในทางกลับกันกลับคิดถึงแต่เงินทอง
                แทนที่จะให้น้องของเขาใช้ความสามารถในการหาเงิน กลับส่งไปให้คนอื่นใช้เรือนร่าง ช่างน่าสงสารจริงๆ ถึงจะพยายามกล่อมซูยอนให้หาอย่างอื่นทำแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้สนใจที่จะลองทำมันสักนิด
                ซองยอลแยกออกมาเพื่อที่จะท่านข้าวในส่วนของตัวเอง มีเพียงข้าวสวยก้นหม้อไหม้ๆถ้วยเล็กและเกลือป่นเท่านั้นสำหรับมื้อเย็นนี้ มันเป็นปกติอยู่แล้วที่ซองยอลจะท่านอาหารเพียงเล็กน้อยและเอาของดีๆไปให้น้องและพ่อทาน ตัวเขาจะเป็นคนทานของที่ไม่ดีเอง เพราะสำหรับซองยอลนั้น อาหารมีไว้เพียงเลี้ยงชีพเท่านั้น แค่รับประทานไปให้ร่างกายมีแรงก็พอ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปบำรุงส่วนไหนมาก เขาชินเสียแล้วกับชีวิตแบบนี้
                และเช่นเคย เมื่อซองยอลทานข้าวเสร็จ บรรดาจานชามเขานั้นก็ต้องเป็นคนล้าง ซองยอลจึงมุ่งหน้าไปที่เพิงพักอาศัยของตนเพื่อเก็บของพ่อและน้องทันที เมื่อไปถึงเขากับพบกับหญิงมีอายุคนนึงที่แต่งตัวดูโก้หรูตามฉบับคนในเมือง ใบหน้าถูกแต่งแต้มจนจัดจ้าน ซึ่งซองยอลก็คาดว่าคงจะเป็นคนที่มาดูตัวน้องสาวของเขา
                นี่ลูกสาวของนายอีกคนหรอฮยอนอูในขณะที่ซองยอลกำลังเก็บข้าวของอยู่ หญิงชาวกรุงนั้นก็เริ่มมองมาที่เขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ซึ่งเมื่อซองยอลได้ยินคำถาม เจ้าตัวก็ตอบกลับไปทันที
                ผมเป็นลูกชายคนโตของคุณฮยอนอูครับ
                อาจเป็นเพราะรูปร่างที่เพรียวบางเนื่องจากได้รับอาหารไม่เพียงพอพวกกับใบหน้าหวานที่ซองยอลได้รับมาจากผู้เป็นแม่ ทำให้หญฺงชาวกรุงคนนั้นเกิดเข้าใจผิดขึ้นมา  ซองยอลไม่ได้ถือสาอะไรอยู่แล้ว เพราะหลายครั้งเมื่อเขามองไปยังเด็กหนุ่มในที่อายุศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน ทุกคนต่างมีร่างกายกำยำสมส่วน ต่างจากซองยอลที่ผอมแห้งเหลือเกิน
                หนูอายุเท่าไหร่หรอจ้ะ
                “18 ครับ
                “อืมม น่าตาหวานจริงเชียว ถ้าได้ไปอีกคน ก็คงจะดีนะคุณฮยอนอู
                เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางตัวซองยอลจนชาไปหมดเมื่อหญิงชาวกรุงผู้นั้นต้องการจะซื้อตัวเขาซึ่งเป็นผู้ชายไปพร้อมกับน้องสาวของเขาเพื่อนำไปถวายตัวให้พระเจ้ามยองชอล แน่นอนว่ายิ่งคนไหนสามารถหาสาวงามไปถวายได้มาก ก็ยิ่งจะได้รับบำเหน็จบำนาญตอบแทนเพิ่มขึ้นไปอีก
                หากต้องไปขายศักดิ์ศรีเยี่ยงนี่ ซองยอลยอมไปเข้ารับการเกณฑ์เป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติ ยังจะดีเสียกว่าไปเป็นที่สนองอารมณ์ตัณหาของใคร หนุ่มน้อยพยายามอ้อนวอนผู้เป็นพ่อผ่านทางสายตาเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากบ่วงพันธนาการบ้าๆนี้ น้ำตาใสค่อยๆไหลรินออกจากดวงตาสวยช้าๆด้วยความเสียใจ เขาพร่ำคิดถึงคำสอนของผู้เป็นแม่ที่บอกเขาเสมอว่า
                อย่ายอมขายศักดิ์ศรีให้ใครเพื่อแลกกับความสุขสบายเพียงชั่วครู่
               
                แต่เส้นทางชีวิตของซองยอลอาจจะถูกคนเบื้องบนกำหนดไว้แล้วว่ามันควรเป็นอย่างไร สุดท้ายความหวังของเขาก็เป็นได้แค่ความหวัง เมื่อพ่อเลี้ยงของเขา ตกลงที่จะขายเขาและน้องสาวให้กับหญิงชาวกรุง……….

               













                ท้องฟ้าในวันนี้ช่างมืดมนไม่ต่างจากจิตใจของซองยอลในตอนนี้สักนิด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอยเมื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังจะต้องเผชิญ ในอีก 2 วันข้างหน้า หลังจากวันนั้นที่พ่อของเขาตัดสินใจขายเขาให้กับหญิงชาวกรุงที่ตอนนี้ซองยอลได้รู้แล้วว่าเธอชื่อ อึนซอ เธอเป็นภรรยาของข้าราชการใหญ่ในวัง และที่เธอตัดสินใจทำอาชีพในการหาหญิงงามเข้าไปให้พระเจ้ามยองชอลนั้นก็เพื่อให้เธอและสามีมีความดีความชอบมากกว่าคนอื่น
                นี้ก็วันที่ 3 แล้วที่อีซองยอลถูกเอามาเก็บตัวที่บ้านพักของคุณอึนอูเพื่อที่จะเตรียมตัวก่อนถูกส่งเข้าวัง ไม่ได้มีอีซองยอลเท่านั้นที่เป็นผู้ชายในบ้านพักแห่งนี่ เพราะยังมีเด็กผู้ชายอีกประมาณสองคนที่ก็ถูกเรียกมาเพื่อเตรียมส่งเข้าวังเช่นกัน สามวันที่ผ่านมา ซองยอลถูกจับให้ไปอาบน้ำแร่แช่น้ำนมมากมายเพื่อสลับเอาคราบของชาวไร่ชาวนาธรรมดาที่เจ้าตัวมี ผมเผ้าก็ถูกบรรดาลูกน้องของคุณอึนอูจัดการจดมันกลายเป็นผมที่นุ่มสลวย ผิวที่เคยหมองคล้ำเพราะต้องตากแดดตากลมนั้นถูกขัดจนเปล่งประกาย
                แต่ถึงภายนอกจะสวยเพียงไหน จิตใจของซองยอลนั้นก้เต็มไปด้วยความห่อเหี่ยว ……..
                “เด็กๆทุกคน มาหาข้าที่ห้องโถงหน่อยเสียงคุณอึนอูเรียกสติของซองยอลกลับมาก่อนที่เจ้าตัวจะไปตามคำเรียกของคุณอึนอู
                พื้นที่บริเวณห้องโถงขนาดไม่ใหญ่มากดูแคบไปทันตาเห็นเมื่อเหล่าบรรดาสาวงามทั้งหลายที่กำลังจะถูกส่งเข้าวังมานั่งรวมกัน ก่อนที่คุณอึนอูจะประกาศบางอย่าง
                พวกเธอคงจะทราบกันใช่หรือไม่ ว่าเราจะต้องส่งภาพวาดของตนเองไปให้ท่านมยองชอลในวันเดียวกับที่พวกเธอเขาไปในวังหลวง เพราะในวังหลวงนั้น มีสนมมากมาย ดังนั้นท่านมยองชอลจะเลือกสนมในแต่ละวันผ่านรูปภาพ
                เป็นเหมือนธรรมเนียมปฏิบัติอยู่แล้วที่พระราชาจะเลือกนางสนมผ่านทางรูปภาพ เพราะหากจะให้เรียกทุกคนมายืนเรียงกันมันคงจะมากเกินที่ห้องของท่านจะรับไหว สนมในวังนั้นมีไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้นภาพวาดจึงเป็นเหมือนใบเบิกทางดีๆนี่เอง
                ข้าจะให้เงินพวกเธอคนละ  30,000 วอน ในการไปจ้างจินตกรเพื่อวาดภาพของพวกเธอให้สวยที่สุด หากใครอยากจะจ่ายเพิ่ม ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวของพวกเธอ เพราะยิ่งราคาสูง รูปของพวกเธอก็จะยิ่งสวย
                เท่ากับว่า ยิ่งรูปของใครสวย ก็จะมีสิทธิ์ถูกเรียกไปรับใช้ได้มากกว่า ดังนั้นสาวงามหลายๆคนจึงยอมที่จะเสียเงินมาขึ้นเพื่อแลกกับโอกาส
                ซองยอลมองเงินในมือที่เพิ่งได้รับมาจากคุณอึนอูด้วยสายตาอันว่างเปล่า เขาไม่ได้อยากที่จะใช่เงินเหล่านี่เพื่อเอาไปใช้ในการทำให้ตัวเองดูโดนเด่นเสียด้วยซ้ำ เงินจำนวนนี้มันสามารถทำให้เขาซื้อของอร่อยๆ หรือซื้อไก่เพื่อไปเลี้ยงที่บ้าน เขาไม่ได้อยากจะถูกใครเลือกไปใช้งาน ดังนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องวาดสวยงามเลยซักนิด
                ซองยอลเคยถามคุณอึนอูแล้วด้วยซ้ำว่าเขาเป็นผู้ชายจะไปรับใช้ได้อย่างไร แต่คำตอบที่ได้รับกลับมานั่งช่างเลวร้ายเหลือเกิน เมื่อคุณอึนอูบอกเขาว่า พวกเรามีหน้าที่สนองอารมณ์เท่านั้น ไม่ว่าจะเพศอะไรก็สนองได้เช่นกัน ขอแค่ช่วยแต่งตัวให้สวยงามก็เพียงพอแล้ว นั้นทำเอาซองยอลตกตะลึงกับความจริงที่ได้รับรู้
                โดนเรียกเข้าไป เป็นชายก็ใช่ว่าจะรอดพ้น
                ฉะนั้นทางเดียวที่จะรอดพ้นคือทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านไม่เลือกซองยอล ……….ไปจนกว่าเขาจะได้ออกจากวังแห่งนี้









                เช้าวันต่อมา ซองยอลมุ่งหน้าไปยังตลาดกลางเมืองพร้อมกับเงิน 30,000 วอนในกำมือ แต่แทนที่ซองยอลจะแวะไปตามบ้านของเหล่าจิตรกร ซองยอลกลับตรงไปยังร้านเครื่องเขียนก่อนจะนำเงินที่ได้มาซื้ออุปกรณ์ต่างๆที่ใช้สำหรับวาดภาพมาจำนวนหนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะไปหาที่สงบๆเพื่อที่จะทำการวาดภาพของตนเองด้วยตัวของเขาเอง
                ในเมื่อไม่อยากถูกเลือก ก็ไม่จำเป็นที่ภาพจะต้องสวย ยิ่งห่วยก็คงยิ่งดีสินะ
                ในวันนี้ไม่ว่าจะเดินผ่านไปทานไหน ซองยอลก็พบแต่หญิงสาวกำลังนั่งเป็นแบบให้เหล่าจิตรกรวาดภาพให้เต็มไปหมด ป้ายประกาศรับจ้างวาดรูปพร้อมกับราคาถูกแปะไปทั่วเมือง จิตรกรบางคนก็มีหญิงสาวมาต่อคิวยาวเหยียดถึงแม้ราคาจะแพงจนน่ากลัว แต่เพื่อโอกาส พวกเธอก็ยอมที่จะลงทุน
                สายตาของซองยอลยังคงสาดส่องไปเพื่อมองหามุมสงบๆของตัวเอง แต่ทันใดนั้น เขากลับเห็นชายหนุ่มคนนึงในชุดเสื้อผ้าสีกระสอบแลดูมอมแมม ผมเผ้ายาวนั้นถูกรวบลวกๆจึงดูยุ่งเหยิงกว่าปกติ ชายหนุ่มคนนั่งนั่งอยู่ตรงมุมมืดของตลาดบนเก้าอี้ไม้ตัวเล็กๆ พร้อมกับม้วนกระดาษที่วางไว้ที่พื้น
                แต่สิ่งที่ดึงดูดซองยอลก็คงจะเป็นหน้ากากที่อยู่บนหน้าของชายผู้นั้น หน้ากากโลหะที่ดูเก่านั้นปิดเพียงเซี้ยวหน้าข้างซ้ายของเจ้าตัวทำให้ตอนนี้สิ่งที่ซองยอลเห็นชัดๆเลยก็คือซีกหน้าด้านขวาของชายผู้นั้น แผ่นกระดษที่วางไว้เป็นป้ายข้างหน้าเป็นเพียงตัวอักษรยึกยือธรรมดาๆเท่านั้น
รับวาดภาพเหมือนจริง ราคาตามที่ท่านจะให้ บ้านของผมไฟไหม้
                เมื่อเห็นดังนั้นซองยอลก็ไม่ลังเลที่จะเดินไปหาชายหนุ่มผู้นั้นทันที ซึ่งชายหนุ่มที่ใส่หน้ากากก็ดูจะตกใจไม่ใช่น้อยที่มีคนเดินมาใช้บริการเขา เพราะแค่มองก็ไม่น่าไว้ใจแล้วว่าชายที่ดูยากจนคนนี้จะวาดภาพได้ดีแค่ไหน แต่สำหรับซองยอลนั้น ที่เขาเลือก เพราะเขาสงสารคนตรงหน้า ในเมื่อซองยอลก็ไม่ได้สนใจรายละเอียดของภาพอยู่แล้ว การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันน่าจะดีที่สุด
                ..สวัสดีครับคุณผู้ชาย ไม่ทราบว่าอยากจะให้ผมวาดภาพอย่างไรขอรับจินตรกรหนุ่มถามด้วยความสุภาพก่อนที่จะหยิบม้วนกระดาษยับๆและดินสอแท่งสั้นขึ้นมาก่อนจะกางมันออกเพื่อเตรียมวาด ซึ่งเมื่อซองยอลเห็นเช่นนั้น เขาก็ยื่นเครื่องเขียนที่เขาซื้อมาในวันนี้ให้กับจินตกรหนุ่ม
                “ฉันเพิ่งซื้อมาใหม่ นายเอาไปเถอะ ฉันคงไม่ได้ใช้แล้ว นายจะได้เอาไปใช้หาเงินต่อไปนะ
                “ขอบคุณครับท่าน ขอบคุณที่กรุณาผมจินตรกรหนุ่มรีบยกมือขึ้นขอบคุณซองยอลทันที เพราะอุปกรณ์ที่ซองยอลให้นั้นใหม่กว่าของที่เขามีมาก
                ไม่ต้องเรียกท่านหรอก ฉันว่าเราน่าจะอายุเท่ากันนะนายอายุเท่าไหร่หรอลองประเมินจากภายนอกแล้ว ถึงจะมีหน้ากากปิดหน้าอยู่ข้างหนึ่ง แต่ซองยอลก็พอจะเดาได้ว่าคนตรงหน้าน่าจะไม่ต่างกับซองยอลมากนัก
                “ผมอายุ 20 ครับ
                “ถ้าอย่างนั้นพี่ก็แก่กว่าผมแล้วแหละ  ผมอีซองยอลนะครับอีซองยอลยิ้มให้ก่อนที่จะยื่นมือไปเพื่อทักทายอีกฝ่าย
                พี่ชื่ออีซอนนะ เดี๋ยวจะวาดรูปให้ซองยอลสวยๆเลย
                “ไม่ต้องวาดสวยครับ!!” คนน้องรีบห้ามอีกคนทันที เขาไม่ได้อยากได้ภาพที่สวยสักนิด ขอแค่ภาพตัวเขาก็พอแล้ว
                พี่อีซอนแค่ช่วยวาดผม…..เอ่อ วาดให้เป็นผู้หญิง…. แต่ไม่ต้องสวยนะครับ
                คำขอแปลกๆของซองยอลทำให้อีซอนนั้นเกิดความสงสัยขึ้น ข้อแรกนั้นคือ ทำไมถึงไม่ต้องการภาพที่สวย และข้อสองคือทำไมถึงต้องวาดออกมาให้เป็นผู้หญิงด้วย ยิ่งเมื่ออีซอนมองย้อนเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย ประกายแห่งความยินดีเฉกเช่นตอนนี้ที่ซองยอลแนะนำตัวเองกับเขานั้นหายไปจนหมด เหลือเพียงแววตาหมองหม่นทีทองต่ำลงไปอย่างคนกำลังไม่สบายใจอะไรบางอย่าง
                ผมถูกขายให้กับภรรยาข้าราชการเพื่อที่จะส่งไปเป็นสนมในวัง….พี่ก็ช่วยวาดให้ผมไม่ต้องสวยมากหรอก ….ผมไม่อยากถูกเลือก
                ไม่รู้ว่าทำไมรอยยิ้มที่ดูฝืนของซองยอลนั้นทำให้หัวใจของอีซอนกระตุกวูบขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดแทนอีกคนนึง เมื่อนกน้อยตัวนี้ไม่ได้ต้องการที่จะเข้าไปอยู่ในกรงทองที่แสนสบาย เมื่อนกน้อยตัวนี้กำลังฝืนเก็บความเศร้าสร้อยที่มีและพยายามจะยิ้มเพื่อสร้างความสุขให้กับคนรอบข้าง
                มือหนาที่จับดินสอค่อยๆเลื่อนไปกุมมือบางแทนก่อนจะกระชับมันไว้แน่นเพื่อส่งผ่านความห่วงใยที่ตัวเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมแค่แรกเห็นถึงได้รู้สึกอยากจะปกป้องคนตรงหน้าเหลือเกิน แม้ตัวเขาเองจะอยู่ในสถานะที่ไม่มีอะไรเลยก็ตาม
                ไว้ใจพี่นะ ภาพที่พี่วาดให้ มันจะไม่ทำให้ซองยอลต้องผิดหวัง















                เสียงฆ้องดังก้องไปทั่ววังหลวงเพื่อบอกเวลาให้เหล่านายทหารทั้งหลายสลับเวรกัน ซึ่งในช่วยเปลี่ยนเวรนี่แหละที่สามารถเข้าออกวังหลวงได้ง่ายที่
                รุ่มร่ามชะมัด ชิบริเวณริมกำแพงวังฝั่งหนึ่งปรากฏร่างของสาวน้อย(?) ที่กำลังพยายามกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อที่จะหนีออกไปนอกพระราชวัง แต่ด้วยชุดที่รุ่มร่ามทำให้เกือบสะดุดอยู่หลายครั้ง
                อยากถอดออกชะมัด รำคาญจังคนตัวบางพยายามจับชายกระโปรงขึ้นก่อนที่จะสับขาของตัวเองให้ไวเพื่อที่จะรีบวิ่งออกไปให้ทันเวลาก่อนที่เวรยามชุดใหม่จะมาเฝ้า และสุดท้ายคนตัวบางก็สาทารถพาตัวเองออกมาจากวังได้สำเร็จ และก็รีบมุ่งหน้าไปยังย่านที่ติดกับชานเมืองทันที
                ในย่านที่ไม่ได้ห่างไกลตัวเมืองมากแต่ผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง คนตัวบางรีบเดินมาที่เพิงเล็กๆเพิงนึงพร้อมกับขนมโฮตอกในมือที่เมื่อกี้อุส่ารีบซื้อมาจากในเมือง
                พี่อีซอน!!!!”
เสียงใสตะโกนเรียกคนที่คาดว่านอนอยู่ในเพิงทันที แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ อีซองยอลที่อยู่ในชุดฮันบกแสนรุ่มร่ามจึงรีบวิ่งไปดูทันทีว่าอีซอนยังนอนอยู่ไหม แต่กพอวิ่งไปก็กลับไม่พบซะอย่างนั้น
เอ้า หายไปไหนอ่ะ? พี่อีซอน!!!”
พี่อยู่นี้เสียงของชายหนุ่มผู้เป็นพี่ที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ซองยอลรีบหันไปหาทันที
พี่อีซอนน
เด็กน้อยเรียกชื่อของผู้เป็นพี่เสียงดังก่อนที่จะยิ้มจนตากลมโตหายไปพร้อมทั้งโชว์ฟันสวยทั้ง 32 ซี่ก่อนที่เด็กน้อยจะยื่นถุงกระดาษที่ใส่ขนมให้คนเป็นพี่
ซองยอลซื้อโฮต็อกมาฝากแต่แทนที่อีซอนจะยื่นมือไปรับ เขากับยื่นมือไปดีดหน้าผากของซองยอลแทน
โอ้ยย พี่อีซอนแกล้งซองยอลทำไมอ่ะ!”
อีซอนมองดูหน้าของเจ้าเด็กดื้อที่กำลังยู่ปากแถมยังคลำหน้าผากตัวเองป้อยๆพร้อมทั้งค้อนใส่อีซอนอีก เล่นเอาอีซอนแอบหลุดขำออกมากับความเก่งของซองยอลที่ทั้งค้อนทั้งยู่ปาก ทั้งลูบหัวตัวเองให้หายเจ็บไปพร้อมๆกันได้
เด็กดื้อ หนีออกจากวังมาอีกแล้วนะ
               
                หลังจากเรื่องราวในวันที่นั้นผ่านไป วันที่อีซอนวาดรูปให้กับซองยอล นี่ก็ร่วม 6 เดือนแล้วที่อีซองยอลเข้าไปอยู่ในวังหลวงในฐานะของพระเจ้ามยองชอล และเพราะภาพวาดในวันนั้นที่มยองซูจงใจวาดให้ซองยอลนั้นมีตาที่ไม่เท่ากัน ทำให้จนถึงวันนี้ซองยอลยังไม่เคยถูกเรียกตัวไปรับใช้พระเจ้ามยองชอลเลยสักครั้ง นั้นจึงทำให้ซองยอลรู้สึกขอบคุณอีซอนเป็นอย่างมากที่ช่วยเขาไว้ ซองยอลจึงตอบแทนด้วยการเก็บเงินเดือนที่ได้มาจากหลวง เอามาสร้างเป็นเพิงเล็กๆให้อีซอนได้อยู่แทนบ้านหลังที่ไฟไหม้ไป
                ไม่ใช่แค่นั้น เพราะด้วยความที่ซองยอลเบื่อชีวิตในวังหลวง ที่วันๆไม่ต้องทำอะไรสักอย่าง จะมีก็คือห้ามไม่ให้นางสนมตบตีกันก็แค่นั้น ทำให้เมื่อมีโอกาสซองยอลก็มักจะแอบออกจากวังหลวงมาหาอีซอนเสมอ
                ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมซองยอลถึงรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่มาหาอีซอน บางครั้งพี่ชายคนนี้ก็คอยให้คำแนะนำดีๆในการใช้ชีวิต แถมเล่าเรื่องสนุกๆให้ฟังอีก
                นี้แหละมั้งที่ทำให้ซองยอลชอบหนีออกมาหาอีซอน
                ไหน ตอบพี่มาก่อน หนีออกมาทำไมครับ
                “ซองยอลคิดถึงพี่อีซอนหนิ
                คนพูดคงจะไม่รู้ว่า คำพูดอันแสนใสซื่อของเจ้าตัวจะทำให้คนฟังนั้นหัวใจเต้นแรงแค่ไหน
                สำหรับซองยอล คำว่าคิดถึงอาจจะไม่ได้มีอะไรมากมายนัก แต่ถ้าอีซอนอยากจะบอกอีกคนว่าคิดถึง….แต่ไม่ใช่คิดถึงในแบบของคนรู้จักกันธรรมดา คนตรงหน้าจะวิ่งหนีเขาไปไหม
                แล้วจะรับโฮต็อกของซองยอลได้รึยัง เมื่อยแล้วนะเมื่อซองยอลเห็นว่าอีซอนนิ่งไป เขาก็รีบโวยวายทันทีเพราะเขาก็เมื่อยแล้วนะ โฮต๊อกตั้ง 5 ชิ้น มันหนักนะ!!
                และเหมือนกับคำโวยวายของคนตัวเล็กจะได้ผลเมื่ออีซอนหยิบมันก่อนจะพาซองยอลไปนั่งเล่นในเพิงพักอาศัยของเขา ซองยอลคะยั้นคะยอให้เขารีบกินโฮต็อกก่อนที่มันจะเย็นและไม่อร่อย เขาจึงต้องยอมทำตามคำสั่งทันทีก่อนที่เด็กน้อยจะโวยวายใส่เขาอีก
                แต่อยู่ดีๆซองยอลที่นั่งอยู่ข้างๆก็ยื่นหน้าเข้ามาจนแทบจะชิดจนอีซอนต้องผละตัวถอยหลังด้วยความตกใจที่อยู่ดีๆอีซองยอลก็ยื่นหน้ามาใกล้อย่างกระทันหัน
                มองอะไรหรอซองยอลอีซอนพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น เพราะตอนนี้ถึงเขาจะถอยออกมาแต่ระยะห่างนั้นก็ไม่ได้ห่างเลยสักนิด ในระยะสายตาของเขาตอนนี้มีแต่ดวงตากลมโตที่มองมาด้วยความสงสัย
                พี่เช็ดหน้ากากบ้างรึปล่าวเนี่ย ฝุ่นเกาะไปหมดแล้ว มือบางของอีซองยอลค่อยๆเลื่อนมาสัมผัสบนหน้ากากโลหะที่ซีกหน้าซ้ายของมยองซูอย่างแผ่วเบา
                เหมือนทุกอย่างรอบตัวของอีซอนหยุดการเคลื่อนไหวไปชั่วขณะเมื่อสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของอีซองยอลที่ส่งมาหาเขานั้นมันช่างน่ามองเสียเหลือเกิน แพขนตายาวที่เรียงเส้นสวย จมูกรั้นได้รูป ริมฝีปากกระจับของอีกคนรวมถึงแก้มป่องของซองยอลนั้นเล่นเอาจังหวะการบีบและคลายของหัวใจนั้นเปลี่ยนแปลงไป
                เพียงแค่สบตาเธอ……..
                ถอดไหมพี่อีซอน เดี๋ยวผมเอาไปเช็ดให้
                ทันทีที่ได้ยินว่าซองยอลจะถอดหน้ากากของเขาออก อีซอนก็รีบสะบัดหน้าหนีทันที
                หากหน้ากากถูกถอดออก ความลับบางอย่างก็จะถูกเปิดเผยเช่นกัน……
                “….ไม่เป็นไร เดี๋ยว…..เดี๋ยวพี่เช็ดเองอีซอนรีบเอี้ยวตัวไปหยิบผ้าผืนเล็กๆขึ้นมาเช็ดที่หน้ากากของตัวเองทันที
                ทางด้านอีซองยอลนั้น เขาก็ไม่ได้จะเด็กจนจะไม่รู้ว่าที่พี่อีซอนไม่อยากให้เขาถอดนั้น เพราะภายใต้หน้ากา อาจจะมีอะไรบางอย่างที่อีซอนยังไม่อยากให้ซองยอลได้เห็น ความรู้สึกผิดเล็กๆเริ่มก่อขึ้นในใจของเด็กน้อย
                พี่อีซอนจะโกรธซองยอลไหม ง้อยังไงดีหละทีนี้ ?
                ฉับพลันภาพเมื่อยามที่ซองยอลยังเด็กและชอบอ้อนคุณแม่ก็ลอยเข้ามาในหัว หัวทุยๆของหนุ่มน้อยเอนลงก่อนจะซบลงบนลาดไหล่ของคนเป็นพี่ พร้อมกับกล่าวคำขอโทษทันที
                พี่อีซอนน ซองยอลขอโทษทีไปยุ่งกับพี่อีซอนมากไป อย่าโกรธซองยอลน้า              
                และเหมือนมันจะได้ผล เมื่อสัมผัสอันแสนอ่อนโยนจากอีซอนที่ถูกส่งผ่านมาทางมือที่กำลังลูบหัวซองยอลอยู่อย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะโอบเอวของซองยอลให้เข้ามาใกล้ชิดมาขึ้น
                พี่ไม่โกรธซองยอลหรอกครับ
ใครจะโกรธเด็กน้อยตาแป๋วอย่างอีซองยอลลงละ….

                “นี่ซองยอลจะต้องอยู่ในวังไปอีกนานแค่ไหนกันเนี่ย ”  เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่อีซอนได้ยินประโยคนี้ออกจากปากของคนตัวเล็ก แต่เขาก็ไม่เคยที่จะรำคาญหรือเบื่อมันเลยสักครั้ง
                คิดถึงบ้านหรอซองยอล
                เด็กน้อยพยักหน้าก่อนจะเริ่มพูดถึงบ้านของตนเอง
                ถึงบ้านของซองยอลมันจะไม่ได้ดีเหมือนวังนะ แต่ซองยอลก็มีความสุขมากกว่าถึงพ่อของซองยอลจะไม่ใช่คนดีสักเท่าไหร่ แต่ซองยอลก็อดคิดถึงบรรดาเพื่อนบ้านอย่างป้ามิราไม่ได้ รวมถึงเหล่าคนในหมู่บ้านอีกที่ทำให้ซองยอลคิดถึง
                เขาว่าคับที่อยู่ได้ แต่คับใจอยู่ยาก ซองยอลก็ว่าอย่างนั้นแหละ เพราะตอนนี้ขนาดเพิงของพี่อีซอนเล็กกว่าวังตั้งเยอะนะ ซองยอลยังมีความสุขกว่าเลย
                ยิ่งในตอนนี้ ที่พี่อีซอนโอบเอวของซองยอลเอาไว้ ถึงแม่จะทำให้เขาทั้งสองเบียดกัน แต่ซองยอลก็รู้สึกอุ่นใจและปลอดภัย แม้จะไม่ได้มีเวรยามมาเฝ้าระวังความปลอดภัยเลยแม้แต่คนเดียว ในความเป็นจริง อีซองยอลนั้นแทบจะไม่อยากกลับไปที่วังเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะว่าในตอนเช้าจะมีคนมาเช็คชื่อ ทำให้เขาไม่สามารถที่จะหนีไปไหนได้นานมาก
                เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆที่ได้อยู่กับอีซอน เหมือนดั่งหัวใจของซองยอลได้ถูกเติมเต็ม อยากจอยู่กับอีซอนให้นานกว่านี่ แต่ก็ทำไม่ได้ อยากจะพูดคุยด้วยตลอดเวลา ก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะสุดท้ายเมื่อใกล้ถึงเวลาเปลี่ยนยามชุดใหม่ ซองยอลก็ต้องเดินทางกลับที่วังอยู่ดี
                ไม่ใช่แค่ซองยอลหรอกที่คิดถึงบ้าน พี่ก็คิดถึง
                “หมายถึงบ้านที่ไฟไหม้รึปล่าวครับ
                “ไม่ บ้านเกิดพี่อยู่ที่ทางตอนเหนือ
                “เอ๋? พี่ไม่ใช่คนโคกูรยอหรอครับ?
ถึงจะรู้จักกันมานาน แต่อีซองยอลก็ไม่เคยถามอีซอนเรื่องของบ้านเกิดเลย เพราะคิดว่าบ้านที่ไฟไหม้นั้นคือบ้านเกิดของอีซอนที่โคกูรยอ
พี่เป็นคนทางเหนือ ที่พี่มาที่โคกูรยอก็เพื่อทำงานบางอย่าง แต่มันยังไม่สำเร็จสักที พี่เลยไม่ได้กลับบ้านสักที
แล้วถ้าพี่กลับบ้านไป พี่จะกลับมาที่นี่อีกไหม
ทั้งๆที่ไม่ได้มีอะไร แต่ไม่รู้ว่าทำไมอีซองยอลถึงรู้สึกๆโหวงๆแปลกๆ หากอีซอนจะกลับไปที่ทางตอนเหนือซึ่งห่างไกลกับโคกูรยอมาก …. เขาสองคนจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหม……. พี่อีซอนจะกลับมาหาซองยอลอีกไหม…….
และเหมือนอีซอนจะสามารถจับความรู้สึกบางอย่างได้จากน้ำเสียงเศร้านั้น คนตัวโตจัดการปลอบเด็กน้อยทันที
กลับสิ ยังไงพี่ก็ต้องกลับมาหาซองยอล แต่ตอนนี้ซองยอลต้องกลับวังแล้วนะ มันจะถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้วนะ
อีซอนค่อยๆพยุงอีกคนให้ลุกขึ้นก่อนจะพาเดินออกไปส่งที่ถนนหน้าหมู่บ้าน ถึงซองยอลจะดูงอแงไปบ้าง แต่เขาก็ต้องคอยเตือนอีกคนว่า ถ้าไม่กลับตอนนี้มันจะอันตราย สุดท้ายเด็กน้อยจึงยอมที่จะกลับวังไป อีซอนยืนมองคนตัวเล็กจนอีกคนหายไปในความมืด เขาจึงตัดสินใจที่จะกลับไปที่พักของเขาบ้าง
หากแต่มันไม่ใช่เพิงไม้นั้น…. เพราะอีซอนค่อยๆเดินเข้าไปในป่าใหญ่ แทนที่จะกลับไปที่เพิงพักอาศัย
ร่างใหญ่ค่อยๆเดินลึกเข้าไปในป่าเรื่อยๆ จนพบกับสิ่งมีชีวิตที่ถูกผูกไว้กับต้นไม้ตรงหน้า
ม้าสีดำสนิทตัวใหญ่ที่มีคุณสมบัติดีไปเสียหมดทั้งรูปร่างและพละกำลังถูกผูกไม้กับต้นไม้ใหญ่กลางป่า ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะเดินไปปลดเชือกที่ตนเองได้ผูกเอาไว้ ขาแข็งแรงเหยียบขึ้นไปบนที่รองเท้าก่อนจะเหวี่ยงตัวขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยความคล่องแคล่ว
มือหนาค่อยๆถอดหน้ากากโลหะที่เขาใส่ไว้เพื่อปกปิดใบหน้าฝั่งซ้ายออก ก่อนจะถือมันไว้ และบังคับม้าออกจากป่าใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว ……..

























เช้าวันต่อมา ความวุ่นวายมากมายในวังหลวงก็ยังคงมีอยู่ไม่จบไม่สิ้น ซองยอลที่พยายามจะข่มตาให้หลับก็ไม่สามารถหลับได้เพราะเสียงของบรรดาสนมที่ดูเหมือนจะออกอาลาวาดกันแต่เช้า
ความจริง มันก็ไม่ใช่เพราะเสียงดังน่ารำคาญที่ทำให้ซองยอลนอนไม่หลับหรอก
เพราะสิ่งที่ทำให้ซองยอลนอนไม่หลับนั้นก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก พี่อีซอน ………
กลายเป็นว่าตลอดทั้งคืน ในหัวของซองยอลนั้นเต็มไปด้วยภาพของพี่อีซอน หัวสมองของเขาเอาแต่คิดว่า จะทำอย่างไร ถ้าหากพี่อีซอนกลับไปทางเหนือจริงๆ ไม่รู้ว่าซองยอลกลายเป็นคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่ที่รู้ๆ ซองยอลไม่อยากให้พี่อีซอนไปไหน……..
เหล่าบรรดานางสนมทั้งหลาย ท่านมยองชอลเรียกให้ท่านทุกกกกกก คนพบกันที่ท้องพระโรงใหญ่เดี๋ยวนี้ ท่านมีเรื่องจะบอกพวกท่านทั้งหลายทันทีที่ทหารเรียกรวมตัว ความโกลาหลก็เกิดขึ้นทันที เมื่อเหล่านางสนมต่างพากันวิ่งกลับไปแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ให้สวยสด ไม่มีใครรู้ว่าท่านมยองชอลเรียกไปเพื่ออะไร  แต่ที่แน่ๆคือทุกคนจะต้องสวยไว้ก่อนเพื่อให้เตะตาท่านมยองชอล
ทางด้านซองยอล เขาคงไม่ต้องแต่งอะไรเพิ่มอยู่แล้วจึงรีบเดินไปทีท้องพระโรงใหญ่ทันที ถึงคิดว่าตัวเองมาเร็วแล้วแต่ก็ยังถือว่าไม่เร็วพอ เพราะตอนนี้ในท้องพระโรงอัดแน่นไปด้วยนางสนมนับร้อยที่ต่างมานั่งรอ และหลังจากนั้นไม่นานมือขวาของพระเจ้ามยองชอลก็มาถึง
วันนี้ข้ามีเรื่องจะมาแจ้งทุกคนเสียงเซ็งแซ่เงียบลงทันทีที่ท่านเซจาเริ่มพูด
เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรทางเหนือ และโคกูรยอ ทั้งสองเมืองได้ทำสัญญาต่อกันโดยพระเจ้ามยองชอลจะให้หนึ่งในบรรดานางสนมแต่งงานกับองค์ชายจากอาณาจักรทางเหนือ หากไม่มีผู้อาสา พระเจ้ามยองชอลจะให้องค์ชายจากทางเหนือเลือกเอง
ใครจะไปอาณาจักรที่แห้งแล้งขนาดนั้นกัน แต่งงานกับองค์ชายอะไรนั้นไป ดีไม่ดีได้เป็นแค่เมียหัวหน้าชนเผ่า นางสนมคนหนึ่งโต้แย้งทันที เพราะใครๆก็ต่างรู้ว่าอาณาจักรทางเหนือนั้น หาได้อุดมสมบูรณ์เยี่ยงโคกูรยอ พื้นที่ที่แห้งแล้งและหนาวเหนบเพราะเป็นที่ราบสูง ใครกันจะอยากออกไปจากกรงทองอันแสนสบายหละ
แต่ถ้าไม่มีใครไป พวกเราก็ต้องมาเสี่ยงโชคกันหนะสิว่าใครจะโดนนางสนมอีกคนโต้แย้งขึ้น เพราะหากไม่มีใครยอมเสียสละ พวกเขาก็ต้องมาเสี่ยงดวงกันอีก

ถ้าเช่นนั้นฉันไปเอง!!”

































ถัดจากท้องพระโรงใหญ่ ณ ห้องทรงงานของพระเจ้ามยองชอลที่ในตอนนี้กำลังมีแขกนั้นก็คือองค์ชายจากทางเหนือที่มาเจรจาในเรื่องการสร้างสัมพันธ์ไมตรีกันระหว่างอาณาจักรด้วยตนเอง ชายหนุ่มที่ดูอ่อนวัยแต่กลับดูน่าเกรงขามทำให้พระเจ้ามยองชอลตะลึงไม่ใช่น้อย เขาไม่คิดว่าชายหนุ่มที่เติบโตขึ้นมาในอาณาจักรที่อยู่ในพื้นที่ที่ไม่ได้อุดมสมบูรณ์จะมีรูปร่างที่ดูดีเช่นนี้
ข้าเกรงว่าจะไม่มีใครตอบรับข้อเสนอหนะสิ องค์ชายมยองซู ถ้าเช่นนั้น เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าเป็นเลือกสาวงามเอง
หลังจากปล่อยให้ท่าเซจาไปตกลงกับเหล่าสนมนานสองนาน ท่านเซจาก็ไม่กลับมาเสียที ไม่ว่าสนมคนไหนถูกเลือกไป ท่านก็ไม่ได้คิดเสียใจอะไร เพราะลำพังจำนวนที่มีอยู่นั้นก็มากจนจะล้นวังอยู่แล้ว
หากองค์ชายสนใจมากกว่า 1 คน องค์ชายก็สามารถเลือกได้ตามใจชอบนะ
ไม่ละครับ ผมขอแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้วองค์ชายมยองซูตอบอย่างเด็ดเดี่ยว เขาไม่ได้ต้องการใครมากมายนัก หากจะสร้างครอบครัว เราก็ต้องให้เกียรติกับคนรักของเราด้วยการมอบความรักให้คนคนนั้นอย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นต้องมีคนที่ 2 คนที่ 3 ตามมา
มาแล้วครับทันใดนั้น ท่านเซจาก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ่มคนนึงที่อยู่ในชุดฮันบกสีชมพูบานเย็นสลับกับฟ้าน้ำทะเล
ใบหน้าหวานค่อยๆเงยขึ้นมาก่อนจะหันมาสบตากับพระเจ้ามยองชอลและทำความเคารพ
ถวายบังคมเพคะ ดิฉันสนม อีซองยอล
ทั้งห้องเงียบลงไปในทันทีที่อีซองยอลปรากฏตัว คนตัวเล็กประหม่ามิใช่น้อย เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่ตัวของซองยอลได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระเจ้ามยองชอล
เหตุผลที่อีซองยอลมที่จะอาสาไปเป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์นั้น ก็คงเป็นเพราะ พี่อีซอน..
ซองยอลลองคิดดูแล้วว่า เขานั้นจะต้องขอร้ององค์ชายได้ว่าขอให้ช่วยพาพี่ชายของเขาไปอยู่ด้วย เวลานั้น พี่อีซอนก็จะได้กลับบ้านเกิด และตัวซองยอลก็จะได้ไม่ต้องห่างกับพี่อีซอนด้วย
เขาไม่สนหรอก ว่าองค์ชายจะเป็นอย่างไร เขาแค่อยากให้พี่อีซอนได้กลับบ้าน และอีกสิ่งคือ ซองยอลจะได้ออกจากกรงทองสักที
และนั่น องค์ชายมยองซูเซจาแนะนำว่าที่เจ้าบ่าวของซองยอลให้ได้รู้จักทันที
เมื่อลองมองดีๆอีกครั้ง ซองยอลกลับพบว่าชายคนนี้หน้าตาคล้ายกับใครบางคนที่ซองยอลรู้จักราวกับแกะ ใบหน้าคมสันขององค์ชายมยองซูนั้นไม่ต่างจากพี่อีซอนเลยสักนิด จะต่างกันแค่เพียงประกายที่เปล่งออกมาตามฉบับของคนชั้นสูง ต่างจากพี่อีซอนที่จะดูมอมแมมกว่า
พี่อีซอน ก็คือพี่อีซอน ……… องค์ชายมยองซู ก็คือองค์ชายมยองซู…….

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่อีซองยอลคนเดียวที่ตกตะลึง เพราะในตอนนี้คนที่ตกตะลึงที่สุดก็คือพระเจ้ามยองชอล เขาไม่เคยรู้เลยว่าเขาเคยมีสนมที่หน้าตางดงามเช่นนี้ เคยรับรู้ด้วยซ้ำว่ามีสนมนามว่าซองยอลอยู่ร่วมวัง
แต่เพราะท่านคือกษัตริย์ เมื่อตรัสแล้วต้องไม่คืนคำ ถึงจะเสียดายในความงามของซองยอลแค่ไหน แต่ในเมื่อท่านได้ตกลงที่จะยกให้องค์ชายมยองซูแล้ว ก็จำเป็นที่จะต้องให้
ถ้าเช่นนั้น ผมขออนุญาตพาซองยอลกลับเลยนะขอรับ องค์ชายมยองซูลาพระเจ้ามยองชอลทันทีก่อนที่จะพาซองยอลเดินออกมาขึ้นรถมาที่จอดอยู่ข้างหน้าวังหลวง
องค์ชายมองดูว่าที่เจ้าสาวของตัวเองด้วยแววตาฉงนเมื่อเห็นคนตัวเล็กเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ยอมพูดอะไรกับเขาสักที แววตาที่ดูไม่มีความสุขของอีซองยอลนั้นทำให้องค์ชายมยองซูเริ่มหวั่นใจ เขาไม่ได้อยากจะบังคับใคร เขาอยากให้คนที่จะมาเป็นคู่ครองของเขาเต็มใจที่จะมา
เจ้ามีอะไรรึปล่าวซองยอล เจ้าเต็มใจมากับเรารึปล่าว หากเจ้าไม่เต็มใจ เราก็ยินดีจะให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อนะ
องค์ชาย ข้าขออย่างหนึ่งได้ไหมเสียงแผ่วเบาที่ดูเศร้าสร้อยของอีซองยอลนั้นช่างน่าสงสารยิ่งนักจนองค์ชายอย่างเขายอมตอบรับข้อตกลง
ได้สิ ว่ามาสิ
ข้าขอพาพี่ชายของข้าไปด้วยได้ไหม พี่ชายเป็นคนที่สำคัญกับข้ามากจริงๆ              
ได้สิ เรื่องแค่นี้เอง เจ้าบอกสารถีเลยว่าพี่ชายของท่านอยู่ที่ไหน
ขอบคุณมากๆนะองค์ชาย
มยองซูมองดูแววตาของอีซองยอลที่เปลี่ยนเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขทันทีเขาอนุญาต อาการเศร้าสร้อยของคนตัวเล็กหายไปในทันทีก่อนที่อีซองยอลจะกุลีกุจอไปบอกทางไปบ้านของพี่ชายของเขาทันที
คนตัวเล็กยังคงพร่ำบอกคำขอบคุณกับเขาไม่หยุดพร้อมทั้งมอบรอยยิ้มสดใสให้ตลอดทาง
พี่ชายของนายคงจะสำคัญมากเลยสินะซองยอล
อยากจะรู้แล้วสิ ว่าคนคนนั้น จะทำให้ซองยอลยิ้มได้มากแค่ไหน


ทันทีที่รถม้าจอดลงตามพิกัดที่คนตัวเล็กบอก อีซองยอลก็รีบวิ่งลงจากรถม้าและมุ่งหน้าไปยังเพิงพักอาศัยของพี่อีซอนทันที
พี่อีซอนจะดีใจแค่ไหนที่จะได้กลับบ้านเกิดตัวเองแล้ว !! ซองยอลอยากจะรีบบอกมันกับพี่อีซอนจริงๆ
พี่อีซอนนน!!!!!” เสียงหวานตะโกนขึ้นเพื่อเรียกผู้เป็นพี่เหมือนทุกครั้งที่เคยทำ
พี่อีซอน พี่อยู่ไหนน ซองยอลมีข่าวดีจะมาบอกแหละ!!!” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากพี่อีซอนกลับมา ซองยอลจึงรีบวิ่งไปที่เพิงทันทีเพื่อดูว่าพี่อีซอนนอนพักอยู่รึปล่าว
พี่อีซอนหายไปไหน!!!” แต่กลับไปพบใครสักที่นอนอยู่ที่นี้
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ชุดเครื่องเขียนที่ซองยอลเคยให้คนเป็นพี่ไว้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันก็หายไป ทั้งที่ปกติพี่อีซอนจะเก็บมันไว้อย่างดี
พี่อีซอน….พี่ไปแล้วหรอ …….”













พี่อยู่นี่อีซองยอล หันหลังมาสิ
เสียงที่แสนคุ้นเคยของพี่ชายผู้เป็นที่รักกระซิบแผ่วเบาอยู่ที่ข้างๆใบหูของซองยอล และนั้นทำให้ซองยอลรีบหันกลับมาพี่ชายของเขาทันที
พี่อีซะ………………องค์ชาย!!”
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นดูไม่เหมือนความเป็นจริงสักนิด เพราะสิ่งที่ตาของซองยอลเห็นนั้นเป็นเหมือนภาพทับซ้อนระหว่างพี่อีซอนและองค์ชายมยองซู ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นส่วมชุดฮันบากที่น้ำเงินเฉกเช่นตอนที่ไปรับซองยอลจากวัง แต่ภาพของพี่อีซฮนที่ทับซ้อนเข้ามานั้น ก็คือหน้ากากที่ปิดครึ่งหน้าซ้ายขององค์ชายไว้
เหมือนกันราวกับเป็นคนคนเดียวกัน แม่กระทั่งเสียง และสายตาที่มองมานั้น มันช่างเหมือนกันเหลือเกิน
ไม่จริง….พี่อีซอน..”
พี่เองซองยอล พี่อีซอนของซองยอลไงมือหน้าจับมือเล็กของอีกซองยอลก่อนที่จะเอามันมาทาบลงบนใบหน้าฝั่งที่มีหน้ากากโลหะปิดอยู่ ก่อนจะค่อยๆบังคับให้มือบางของซองยอลได้สมัผัสกับมัน
วันนี้ ที่พี่ไม่ให้ซองยอลถอด เพราะซองยอลอาจรู้ว่าพี่เป็นใคร ในเมื่อวันนี้ซองยอลรู้แล้ว ช่วยถอดมันให้พี่หน่อยสิ
มือเรียวค่อยๆถอดหน้ากากโลหะที่ปิดอยู่บนใบหน้าขององค์ชายออกช้าๆ จนเผยให้เห็นใบหน้าอีกครึ่งซีกที่ดูดีไม่แพ้อีกฝั่ง มือบางยังคนประคองใบหน้าของคนเป็นพี่ไว้ ก่อนจะลากไล้มันราวกับต้องการตรวจให้แน่ใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันคือเรื่องจริง
จากชายหนุ่มที่ดูเหมือนยาจกคนนึงที่ซองยอลรู้สึกสงสาร จนความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนามาจนต่างฝ่ายต่างวางใจซึ่งกันและกัน และในวันนี้ พี่ชายของเขากลับกลายเป็นองค์ชายขึ้นมา และยังเป็นคนที่ซองยอลต้องแต่งงานด้วย
มันคือเรื่องจริงใช่ไหม สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความจริงใช่ไหม
 “ช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจมากกว่านี่ได้ไหมขอรับองค์ชาย
อย่าเรียกแบบนั้นเลยซองยอล เรียกว่าพี่ว่า พี่มยองซู เถอะมยองซูลูบหัวทุยๆของซองยอลเหมือนที่ตัวเขาชอบทำกอดจะดึงอีกคนเข้ามาในอ้อมกอด
อย่าเรียกว่าองค์ชายเลยนะ มันดูห่างเหินเกินไป พี่ไม่ชอบ
คนตัวเล็กพยักหน้ารับคำก่อนที่มยองซูจะพาอีกคนมานั่งที่เพิงพักเพื่อที่จะได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คนตัวเล็กฟัง
ที่พี่ต้องมาที่นี่ เพราะคำสั่งของท่านพ่อที่จะให้พี่ต้องมาเลือกคู่ครองที่โคกูรยอ พี่ถึงต้องมาที่นี่ แต่ไม่ใช่ในนามองค์ชายมยองซูแห่งอาณาจักรตะวันออก แต่เป็นเพียงนายอีซอน ชายธรรมดาคนหนึ่ง
มยองซูตัดสินใจเลือกวันก่อนที่ทุกคนจะเข้าไปในวังนั้นก็คือวันที่สาวงามทั้งหลายจะมาวาดภาพของตนเองเพื่อส่งเข้าไปในวัง ในวันนั้น เขาอยากจะมาสังเกตดู ว่าพอจะมีใครไหมที่จะมาวาดรูปกับเขาซึ่งเป็นเพียงคนยากจนคนหนึ่ง เพราะใครจะอยากได้ผู้หญิงที่ยอมขายศักดิ์ศรีของตัวเองแลกกับความสบายหละ
วันนั้น พี่นั่งรอ คนแล้ว คนเล่าที่เดินผ่านพี่ไป ไม่มีใครสนใจพี่เลยสักคน แต่มีเด็กผู้ชายตาแป๋วคนนึงที่เดินตรงเข้ามาหา ในวันนั้น ถึงซองยอลไม่ขอ พี่ก็ไม่วาดรูปซองยอลให้สวยหรอก เพราะพี่จะไม่ปล่อยให้ซองยอลต้องตกเป็นของใคร
ในวันนั้น ถึงซองยอลไม่ขอ มยองซูก็ไม่มีทางที่จะวาดภาพของซองยอลให้ดูดีเหมือนตัวจริง เพราะเขาไม่ต้องการให้ซองยอลตกเป็นของใครหน้าไหนทั้งนั้น
ต่อให้ในวันนี้ ซองยอลไม่อาสาออกมา ทำไมมยองซูจะจำรูปที่ตัวเองเคยวาดไม่ได้หละ แค่เขาบอกพระเจ้ามยองชอลว่าเขาต้องการคนในรูป เขาก็ทำมันได้เช่นกัน

และเพราะว่าคนฟังนั้นฟังอย่างตั้งใจ ทุกคำพูดของมยองซูยังคงดังก้องอยุ่ในโสตประสาทของซองยอล หัวใจดวงน้อยๆของหนุ่มวัยแรกแย้มเริ่มเต้นดวงจังหวะที่เปลี่ยนไป เพราะคำพูดของอีกฝ่าย
ช่างไม่ต่างอะไรกับพี่อีซอนเลยจริงๆ ความอบอุ่นที่คนตรงหน้ามีให้นั้น ไม่ต่างจากพี่อีซอนเลยสักนิด
“6 เดือนที่ผ่านมา พี่ไม่ได้อยากจะหลอกซองยอล พี่แค่อยากจะรอให้ทุกอย่างเรียบร้อย อยากรอใหสัญญาที่ท่านพ่อทำเรียบร้อย สถานการณ์ต่างๆ รวมถึงตัวพี่เองด้วย และ 6 เดือน มันก็ทำให้พี่รู้ว่า พี่ไม่เคยคิดว่าซองยอลเป็นน้องชาย

เพราะพี่อยากเป็นมากกว่านั้น พี่รักซองยอลนะ
พี่มยองซู……………….”

ร่างกายของหนุ่มน้อยรู้สึกเบาหวิวราวกับกำลังล่องลอยอยู่บนฟากฟ้า ในขณะที่หัวใจนั้นกลับเต้นระรัวอย่างหนักหน่วง ความรู้สึกต่างๆมากมายประดังประเดเข้ามาในหัวของซองยอล ทั้งดีใจ ตกใจ อึ้ง และรู้สึกร้อนไปหมด โดนเฉพาะบริเวณใบหน้าของซองยอลที่เจ้าตัวรู้สึกว่ามันเห่อร้อนขึ้นมาเหมือนใครเอาไฟมาสุม
ซองยอลโดนบอกรัก
พี่มยองซูบอกรักซองยอล
แล้วซองยอลหละ….รักพี่มยองซูไหม….
มันกลับเป็นสิ่งที่ซองยอลไม่สามารถหาคำตอบที่แน่ชัดให้กับตัวเองได้ ซองยอลไม่รู้ ไม่รู้เลยสักนิด ความรู้สักที่มีให้อีกคนนั้น มันแค่พี่น้อง หรือมากกว่านั้น
ซองยอลไม่รู้ ว่าซองยอลรักพี่มยองซูไหม ซองยอลไม่รู้ว่าซองยอลรักพี่มยองซูแบบไหน ซองยอลมะ….อื้อออ….อื้มม
ริมฝีปากหนาของคิมมยองซูโฉบลงมาช่วงชิงความหวานจากซองยอลทันทีโดยไม่ให้อีกคนได้ตั้งตัว มยองซูค่อยๆมอบสัมผัสอ่อนโยนให้ซองยอลได้เรียนรู้ที่ละนิดว่าสิ่งนี้คืออะไร คุณครูค่อยๆสอนเด็กน้อยผู้ไม่ประสีประสาช้าๆ ก่อนจะอาศัยจังหวะที่เด็กน้อยของเขาหายใจเข้าไปช่วงชิงความหวานที่อยู่ในโพรงปากนุ่มของอีกคน มยองซูไล่ชิมทุกอย่างหยุดของอีซองยอล เพราะมันช่างหวานล้ำ และยากที่จะหยุดตัวเองได้ ทางด้านอีซองยอลนั้น ก้ค่อยๆคล้อยตามสิ่งที่คุณครูสอน ลิ้นเล็กพยายามตอบโต้คนเป็นพี่ ถึงจะดูเก้ๆกังๆบ้าง แต่ซองยอลก็อยากจะมอบสัมผัสหวานล้ำให้อีกคนได้พึ่งพอใจเช่นกัน
อะ..พี่มยองซู
อีซองยอลร้องประท้วงทันทีที่รู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองกำลังจะหมดลง ตอนนี้หัวใจของอีซองยอลเต้นปรงจนแทบจะกระโดดออกมาจากหน้าอกข้างซ้ายอยู่และเพราะสัมผัสที่พี่มยองซุมอบให้
ซึ่งไม่ปฏิเสธเลยว่า ซองยอลรู้สึกดีกับมัน
ซองยอลไม่จำเป็นต้องตอบพี่ในตอนนี้  เพราะต่อให้ซองยอลบอกว่าไม่รักพี่ พี่ก็คงไม่สามารถเลิกรักซองยอลได้หรอก
พี่มยองซู…”





 “ผมรักพี่นะ

หากการที่เราสามารถคิดถึงใครบางคนได้ทั้งวัน
หากการที่เราอยากจะเจอใครบ้างคนอยู่ตลอดเวลา
หากการที่เราอยากใช้เวลาอยู่กับใครนานๆ
หากการทีเราไม่อยากให้เขาจากไปไหน
หากอาการเหล่านี้….เรียกว่าความรัก


อีซองยอลก็คงรักพี่มยองซูเข้าจริงๆแล้วแหละ





ถึงบ้านใหม่ของเรามันจะไม่ได้สวยงามมาเหมือนที่นี้ นายพร้อมจะไปอยู่กับพี่ไหมอีซองยอล
ผมก็เคยบอกพี่แล้วไง ว่าคับที่อยู่ง่าย คับใจอยู่อยาก ขอแค่มีพี่ คับที่ผมก็อยู่ได้ครับ พี่มยองซู






talk!!
ว๊ากกกกก นี่มันเรื่องอะไรกัน 555555555 คนอ่านอาจจะงงว่านี้เธอมาเขียนอะไรของเธอ คือที่มาที่ไปของฟิคนี้ มีเกิดขึ้นตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว ยุคสมัยที่เรานั่งท่องสอบแพทจีนจนสมองจะระเบิด วันนึงเราก็เลยไปอ่านเรื่องของ 4 สาวงามจีน แล้วกไปปิ้งเรื่องของหวังเจาจุน เจ้าของฉายาปักษีตกนภา (คือสวยจนนกต้องหันมามองแล้วบินจนติกจากฟ้างี้) มันเลยเกิดไอเดียพิเรนท์ขึ้นมา กลายมาเป็นมหากาพย์ไร้สาระ ไร้แก่นสาร ไร้ความฟิน ฟิคตันๆเรื่องนึง ;-; มันไม่ดีเลยอ่ะ งงๆ แต่ไม่แน่มันอาจจะไปถูกใจใครบางคน (หรือใครบางคนอาจจะสาปเราอย่างหนักหน่วงว่าแต่งอะไร!! เสียเวลาเข้ามาอ่าน) 

เอาเป็นว่าช่องทางสวรรค์ที่จะชี้โพรงให้เราไม่เขียนฟิคไร้สติก็คือ #มยยแฟรี่เทล เลยฮะ แทกนี้ จะเป็นแทกสำหรับ SF OS SPC สัพเพเหระบ้าบอที่เราจะแต่งในอนาคต เราแค่รู้สึกว่าทุกวันนี้ฟิคก็หาอ่านยากมากแล้ว(ร้องไห้) ยิ่งมามีฟิคมึนๆของเรา คนอ่านอาจจะยิ่งไม่แฮปปี้ ฉะนั้น ผิดตรงไหน แจ้งข่าวบอกกล่าวนะคะ เราจะได้พัฒนาให้ดีขึ้น

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ของคุณจากใจเลยค่ะ รักกก